เส้นทางชีวิตที่แสนเจ็บปวดของ “คีอานู รีฟส์”
1. พ่อทิ้งไปตั้งแต่อายุ 3 ขวบ จึงต้องอยู่กับแม่และน้องที่ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย แม่ต้องแต่งงานใหม่หลายครั้ง เพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูกทั้งสอง ต้องอยู่กับพ่อเลี้ยงหลายคน และพ่อแท้ๆก็มักก่อเรื่องให้ คีอานู ปวดหัวอยู่เสมอ ต้องคอยประกันตัวจากพฤติกรรมเสพยาอยู่บ่อยครั้ง
2. มีความผิดปกติในการอ่าน (โรคดิสเล็กเซีย) จึงทำให้การไปโรงเรียนเป็นเรื่องที่ลำบากมาก เพราะมักจะเรียนไม่ทันเพื่อนๆ และมักจะโดนล้ออยู่บ่อยครั้ง จึงเลือกไปเล่นฮอกกี้น้ำแข็งเป็นผู้เล่น MVP ของทีม เก่งถึงขั้นวางแผนเล่นอาชีพแต่สุดท้ายก็เจ็บและต้องทิ้งความฝันที่จะเป็นนักกีฬาทีมชาติแคนาดานี้ไป และจากการที่ต้องย้ายโรงเรียนถึง 4 แห่งทำให้ ในที่สุดเขาก็ต้องออกจากโรงเรียนมัธยมปลายโดยที่ไม่ได้รับประกาศนียบัตร
3. ภาพยนตร์ตลกเรื่อง Parenthood คีอานูได้พบกับ เพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเขา ริเวอร์ ฟีนิกซ์ พวกเขาสนิทกันมากและได้แสดงภาพยนตร์ด้วยกันหลายต่อหลายเรื่อง แต่ในที่สุดริเวอร์ ฟีนิกซ์ก็เริ่มหันมาเสพเฮโรอีนและเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดในปี 1993 หลังจากนั้น คีอานู ก็แทบไม่สุงสิงกับใครอีกเลย “เขาคือมนุษย์และนักแสดงที่น่าทึ่ง พวกเราเข้ากันได้ดีและผมคิดถึงเขา ผมคิดถึงเขาอยู่เสมอๆ เลย”
4. คีอานู รีฟส์ได้ตกหลุมรักเจนนิเฟอร์ ไซม์นักแสดงสาวคนหนึ่งจนเธออุ้มท้องลูกคนแรก จนเมื่อครบกำหนดคลอด 1999 ปรากฏว่าทารกน้อยเสียชีวิต ทั้งคู่เสียใจมากและเลิกรากันในเวลาต่อมา ปรากฏว่าในวันที่ 2 เมษายน ปี 2001 เจนนิเฟอร์ก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากเหตุการณ์นี้คีอานูก็ไม่คิดจะมีความสัมพันธ์ และไม่คิดมีลูกอีกเลย “ความโศกเศร้าได้เปลี่ยนรูปแบบออกไป แต่มันก็ยังคงไม่มีวันที่จะจางหายไป” ร่างของ ซีมส์ ถูกฝังไว้ข้างๆ หลุมศพของลูกสาวพวกเขา (จนกระทั่ง คีอานูได้พบกับ สาวข้ามเพศ เจมี่ เคลตัน โดยที่ไม่สนเลยว่าเธอจะเคยเป็นผู้ชายมาก่อน)
5. น้องสาวของ คีอานู ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย ทำให้ คีอานู ต้องหยุดรับเล่นหนังใหญ่ไปนาน เพื่อที่จะได้ดูแลน้องสาวของตัวเองให้หายดี เขาดูแลเธอไม่ห่างตลอดช่วงเวลา 10 ปี จนกระทั่งเธอหายดี แต่ตัวคีอานูเองประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ล้มจนซี่โครงขวาหัก จากเรื่องราวแสนสาหัสทั้งหมดนี้ ทำให้คีอานู เลิกสนใจสุขภาพ และงานแสดงไปพักใหญ่ๆเลยทีเดียว เขาดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และเดินเตรดแตร่อย่างไร้จุดหมายที่ไปในแต่ละวัน
“สิ่งที่ผู้คนไม่รู้เกี่ยวกับตัวผมก็คือผมเป็นโรคซึมเศร้าในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ ผมไม่เคยบอกใครเลย ตอนนั้นผมต้องต่อสู้เพื่อหลุดออกจากภาวะซึมเศร้านั้น คนที่ฉุดตัวผมจากความสุขก็คือตัวผมเอง ทุกๆวันมีค่า ดังนั้นจงใช้มันอย่างมีค่า ไม่มีอะไรแน่นอนสำหรับวันพรุ่งนี้ จงใช้ชีวิตในวันนี้เถอะ”
แต่เรื่องร้ายๆทั้งหมดนี้ กลับทำให้เขากลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง มีคุณภาพ และเป็นผู้ชายที่เหล่าคนดังในวงการภาพยนต์ ต่างยกย่องให้เป็นผู้ชายที่นิสัยดีที่สุดใน ฮอลลีวูด
– เคยให้เงิน 20,000 เหรียญฯ เป็นของขวัญคริสมาสต์สำหรับทีมงานคนหนึ่ง ซึ่งกำลังมีปัญหาเรื่องเงิน
– ออกเงินซื้อรถมอเตอร์ไซค์ อาร์เลย์ เดวิดสัน อย่างที่ตัวเองชอบให้กับทีมสตั้นในหนัง The Matrix ทุกคน เป็นน้ำใจหลังร่วมงานกันมาอย่างยาวนาน (Harley Davidson 12 คัน)
– ในตอนที่รับแสดง The Devil’s Advocate ยอมหักค่าตัว 2 ล้านเหรียญฯ เพื่อให้ผู้อำนวยการสร้างมีเงินเหลือพอจ้าง อัล ปาชิโน
– “เงินคือสิ่งสุดท้ายที่ผมจะนึกถึงครับ เท่าที่มีตอนนี้ก็พอจะทำให้ผมอยู่ได้ไปอีกซัก 100 ปีแล้ว”
– ตอนแสดงนำในหนังไซไฟฟอร์มยักษ์ The Matrix ภาค 2 และ 3 ยอมลดค่าตัวลงครึ่งนึง เพื่อให้หนังมีทุนสำหรับค่าใช้จ่ายด้านเทคนิคพิเศษ และออกแบบเครื่องแต่งกายมากขึ้น โดยเขาได้รับค่าตัวไป 35 ล้านเหรียญ ทั้งที่ควรจะได้รับ 75 ล้านเหรียญฯ
– มีผู้พบเห็น คีอานู บนรถไฟฟ้าใต้ดินอยู่บ่อยครั้ง และมักจะยืนอยู่ตลอดเวลา หรือไม่ก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์
– บริจาคเงินกว่า 5 ล้านเหรียญฯ ให้กับโรงพยาบาลที่รักษาน้องของตัวเองจนหายดี และได้ตั้งมูลนิธิซิกคิดส์ (SickKids Foundation)องค์กรสแตนด์อัพทูแคนเซอร์ (Stand Up to Cancer) รวมทั้งจัดตั้งองค์กรการกุศลของตัวเอง แต่เลือกที่จะไม่ใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่อมูลนิธิ
– เป็นดาราฮอลลีวู้ดเพียงคนเดียวที่ไม่มีแมนชั่น เขาบอกว่า”ผมอยู่ในแฟลต ผมมีทุกสิ่งที่ผมต้องการแล้ว จะเลือกอยู่บ้านหลังใหญ่ๆ โล่งๆ ไปทำไม” แต่ก็ซื้อบ้านให้คุณแม่อยู่นะ และได้ซื้อบ้านบนเกาะคาปรี อิตาลี ไว้ให้น้องสาว
– มีสำนักข่าวมากมายรายงานว่า น้องสาวของ คีอานู (คิม) เสียชีวิตแล้ว แต่ผมเองก็ค่อนข้างว่าจริงหรือไม่ เพราะคีอานู ไม่ชอบเวลานักข่าวถามถึงน้องสาว เพราะตัวแกเองรักน้องสาวมาก
– ชอบออกไป พบปะ และพูดคุยกับคนไร้บ้าน และมีรูปหลุดอยู่เป็นประจำ
– คีอานูชอบดนตรีเป็นอย่างมาก เคยมีวงดนตรีและตัวแกเองเล่นเบส และยังเคยแต่งเพลงให้ลูกสาวทูนหัวของตัวเองอีกด้วย
– “คุณมีโอกาสสูญเสียใครไปก็ได้แต่อย่าสูญเสียตัวเองไปเด็ดขาด”
– เขาไม่มีบอดี้การ์ด มักไปไหนมาไหนคนเดียว และไม่ชอบเสื้อผ้าแพงๆ
– ในวันเกิดปีที่ 47 คีอานูไปร้านขายขนมเล็กๆ แห่งหนึ่งแล้วซื้อเค้กมากินคนเดียว ถ้าหากแฟนหนังเดินผ่านมาเขาก็จะชวนคนเหล่านั้นให้แวะกินด้วย
– หลังจากเอาชนะโรคดิสเล็กเชียได้ คีอานู ก็กลายเป็นนักอ่านตัวยง เขาอ่านวรรณกรรมยากๆ หลายเรื่อง เขาสามารถท่องจำบทร้อยกรองยาวๆ ของเชกสเปียร์ได้ เขาศึกษาพุทธศาสนาและเซนจากหนังสือหลายเล่ม และนอกจากจะชอบอ่านแล้วนั้น เขายังมีผลงานเป็นงานเขียนด้วยครับ โดยเป็นงานประเภท กลอน
– “Keanu” ที่อ่านว่า “เค-อา-นู” เป็นชื่อภาษาฮาวายของลุงทวดของเขา ตอนเข้าวงการใหม่ ๆ เอเยนต์ คิดว่าชื่อนี้ยากเกินไป เลยเปลี่ยนให้ไปใช้ทั้ง เค.ซี. รีฟส์, นอร์แมน รีฟส์ และ ชัค สปาดีนา แต่สุดท้ายก็มาดังในชื่อ “Keanu” นี่เอง (แต่เราขอเรียกว่าคีอานูนะ ตามแบบฉบับคนไทย)
– คีอานู เป็นคนไม่มีศาสนา แต่เชื่อในเรื่องของพลังงาน แต่มักจะบริจาคเงินให้กับองค์กรศาสนาพุทธอยู่เสมอ และบอกว่าเคยเจอผีตอนอายุ 8 ขวบ
– มีเชื้อสายฮาวาย จีน โปรตุเกส และอังกฤษ ถึงได้เกิดมาหล่อขนาดนี้
– เคยประสบอุบัติเหตุชนิดถึงชีวิตหลายครั้ง เขาเคยขี่รถชนหน้าผาที่ โทแพงกา แคนยอน จนต้องนอนโรงพยาบาลหนึ่งสัปดาห์หลังซี่โครงหัก และบาดเจ็บที่ทรวงอก แต่สุดท้ายก็รอดมาได้ ยังมีอุบัติเหตุเมื่อปี 1996 ที่รถมอเตอร์ไซค์ล้ม จนข้อเท้าหัก และหลงเหลือแผลเป็นที่ขาซ้าย ทั้งเคยรถล้มจนฟันแตกจนต้องทำครอบฟันเกือบทั้งปาก หลังหน้าไปครูดกับแฮนด์มอเตอร์ไซค์ ระหว่างถ่ายทำหนังรัก A Walk in the Clouds ในคืนก่อนจะถึงวันถ่ายทำเลิฟซีน เขาก็โดนไม้ฮอคกี้ฟาดเข้าที่หน้า จนต้องเย็บ 6 เข็ม แต่ก็ยังสามารถถ่ายฉากจูบได้ในวันต่อมา
– เฮียแกถูกกล่าวหาว่าเป็นแวมไพร์อยู่หลายครั้ง เพราะปัจจุบันนี้อายุ 52 แล้ว แต่หน้าก็ยังเหมือน 25 อยู่เลย ขนาดผมเองยังเกือบจะเชื่อพวกนักข่าวเลย แก่ไม่เป็นจริงผู้ชายคนนี้
ที่มา :: เว็บไซต์ flagfrog.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น