ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด(Pleural effusion)
ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด
หรือภาวะมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด (Pleural
effusion) คือ
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากการมีน้ำ/ของเหลวเข้าไปสะสมอยู่ในโพรงเยื่อหุ้มปอดมากผิดปกติ
จึงก่อให้เกิดอาการต่างๆขึ้น
เยื่อหุ้มปอด (Pleura) คือเนื้อเยื่อบางๆ
ที่ห่อหุ้มเนื้อเยื่อปอดทั้งหมด โดยมีหน้าที่ปกป้องปอด เยื่อหุ้มปอดจะมี 2 ชั้น
ระหว่างชั้นทั้งสองจะเป็นโพรงหรือเป็นช่อง เรียกว่า โพรงเยื่อหุ้มปอด
หรือช่องเยื่อหุ้มปอด (Pleural cavity) ซึ่งในโพรงนี้มีของเหลวในปริมาณเล็กน้อยประ
มาณ 0.1 - 0.2 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัวของคนๆนั้น 1
กิโลกรัมที่หล่อลื่นเยื่อหุ้มปอดทั้ง 2 ชั้น ไม่ให้เสียดสีกัน
และเนื่องจากความดันในโพรงเยื่อหุ้มปอดนี้เป็นสุญญากาศ (Vacuum) ดังนั้นโพรงเยื่อหุ้มปอดจึงยังเป็นตัวช่วยการขยายตัวของปอดในการหายใจเข้า-ออกอีกด้วย
ภาวะมีน้ำ/ของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอดเป็นภาวะผิดปกติที่พบได้บ่อย
สถิติจากประเทศที่พัฒนาแล้ว พบภาวะนี้ได้ประมาณ 320 รายต่อประชากร 1 แสนคน
เป็นภาวะที่พบได้ในทั้งสองเพศ บางสาเหตุจะพบในผู้หญิงสูงกว่าในผู้ชาย เช่น
สาเหตุจากโรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเอง บางสาเหตุพบในผู้ชายได้สูงกว่าในผู้หญิง
เช่น สาเหตุจากโรคมะเร็งปอด ทั้งนี้พบภาวะนี้ได้ในทุกอายุ
ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ แต่พบได้สูงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้
สูงอายุ
ภาวะมีน้ำ/ของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอด
อาจเกิดกับปอดเพียงด้านเดียว (โอกาสเกิดในด้านซ้ายและด้านขวาใกล้เคียงกัน)
หรือเกิดกับปอดทั้ง 2 ข้างก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ
ปริมาณน้ำ/ของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอดจะถูกควบคุมด้วย
2 กลไกสำคัญ คือ จากความดันในหลอดเลือดของเยื่อหุ้มปอดทั้ง 2 ชั้นซึ่งจะส่งผลให้มีน้ำ/ของเหลวซึมผ่านผนังหลอดเลือดเข้าสู่ในโพรงเยื่อหุ้มปอด, และจากการดูดซึมน้ำ/ของเหลวของระบบน้ำเหลืองกลับเข้าสู่หลอดเลือดดำของเยื่อหุ้มปอด
และเข้าสู่ร่างกาย ตามลำดับ ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยนี้ต้องอยู่ในสมดุล
ปริมาณน้ำ/ของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอดจึงจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ
แต่ถ้ามีการเสียสมดุลของปัจจัยทั้ง 2 นี้ด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม เช่น
มีน้ำ/ของเหลวซึมผ่านหลอดเลือดเยื่อหุ้มปอดมากขึ้น
หรือระบบน้ำเหลืองไม่สามารถดูดซึมน้ำ/ของเหลวกลับเข้าสู่หลอดเลือดดำ/ร่างกายได้
ก็จะส่งผลให้เกิดภาวะมีน้ำ/ของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอด
โดยทั่วไป
การจะมีน้ำ/ของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอดที่จะตรวจพบได้จากการถ่ายภาพปอดด้วยเอกซเรย์เทคนิคเฉพาะ
คือ ถ่ายภาพในท่านอนตะแคงด้านที่สงสัยมีความผิดปกติ (Lateral decubitus) ปริมาณน้ำ/ของเหลวต้องมีปริมาณตั้งแต่
50 มิลลิลิตรขึ้นไป ทั้งนี้การถ่าย ภาพเอกซเรย์เทคนิคปกติ (ถ่ายในท่ายืน)
จะสามารถตรวจได้ว่ามีน้ำ/ของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอด
มักจะต้องมีปริมาณน้ำอย่างน้อยประมาณ 200 - 300 มิลลิลิตรขึ้นไป
ซึ่งเป็นปริมาณที่จะส่งผลให้ผู้ป่วยเริ่มเกิดอาการผิดปกติด้วย เช่น
เหนื่อยง่ายขึ้นเมื่อต้องออกแรง เป็นต้น
น้ำ/ของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอดมี
2 ชนิด คือ ชนิดเป็นสิ่งซึมเยิ้มใส (Transudate)
และชนิดเป็นสิ่งซึมเยิ้มข้น (Exudate)
ก.
น้ำ/ของเหลวชนิดสิ่งซึมเยิ้มใส (Transudate) เป็นน้ำ/ของเหลวที่เกิดจากการซึมรั่วของน้ำ/ของเหลวในหลอดเลือดของเยื่อหุ้มปอด
โดยเฉพาะจากหลอดเลือดฝอยซึมเข้าสู่โพรงเยื่อหุ้มปอด
โดยเกิดจากมีความดันในหลอดเลือดสูงขึ้น
โดยไม่ได้เกิดจากมีพยาธิสภาพของผนังหลอดเลือดแต่อย่างไร
น้ำ/ของเหลวชนิดนี้จะมีลักษณะดังต่อไปนี้
คือ
ใส สีขาว หรือ
ออกเหลืองเล็กน้อย
มีความถ่วงจำเพาะ (Specific gravity: คือ อัตราส่วนระหว่างความหนาแน่นของมวลสารใดๆต่อความหนาแน่นของน้ำในปริมาตรที่เท่ากัน
เป็นค่าที่ไม่มีหน่วย ใช้เป็นค่าบอกความเข็มข้นของสารละลายต่างๆ)
อยู่ในช่วงประมาณน้อยกว่า 1.012
มีสารโปรตีนเป็นส่วนประกอบน้อยกว่า
25 กรัม/ลิตร
มีอัตราส่วนของสาร LDH (Lactate dehydrogenase: เอนไซม์ (Enzyme) ชนิดหนึ่งที่เกิดเมื่อมีการบาดเจ็บของเซลล์/เนื้อเยื่อต่างๆ)
เมื่อเทียบกับสาร LDH ในเลือดน้อยกว่า 0.6
และมีค่าไขมันคอเลสเตอรอล (Cholesterol) น้อยกว่า 45 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
ข.
น้ำ/ของเหลวชนิดสิ่งซึมเยิ้มข้น (Exudate) จะเกิดจากการมีพยาธิสภาพที่ผนังของหลอดเลือดของเยื่อหุ้มปอด
โดยเฉพาะผนังหลอดเลือดฝอย
ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดยอมให้น้ำ/ของเหลวในหลอดเลือดไหลซึมออกจากหลอดเลือดเข้าสู่โพรงเยื่อหุ้มปอด
เช่น การอักเสบติดเชื้อ หรือการอักเสบโดยไม่ติดเชื้อของเยื่อหุ้มปอด
หรืออาจเกิดจากมีการอุดตันของระบบน้ำเหลืองของเยื่อหุ้มปอด
จึงส่งผลให้เกิดน้ำ/ของเหลวสะสมในโพรงเยื่อหุ้มปอด
ลักษณะของน้ำ/ของเหลวชนิดนี้
คือ จะขุ่น และมีสีได้ต่างๆ ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุที่เกิดกับเยื่อหุ้มปอด เช่น
เป็นน้ำขุ่นออกเหลือง
เมื่อเกิดจากการอักเสบไม่ติดเชื้อ
เป็นหนองเมื่อเกิดจากการอักเสบติดเชื้อ
เป็นสีขาวข้นของน้ำเหลืองที่มีไขมันปน
(Chyle) เมื่อเกิดจากท่อน้ำเหลืองช่องอกอุดตัน
หรือเป็นเลือดเมื่อเกิดจากโรคมะเร็ง
หรือจากมีอุบัติเหตุรุนแรงต่อปอด
น้ำ/ของเหลวชนิดนี้จะ
มีค่าความถ่วงจำเพาะมากกว่า
1.020
มีอัตราส่วนของ LDH เมื่อเทียบกับ LDH ในเลือดมากกกว่า
0.6
และมีค่าไขมันคอเลสเตอรอลมากกว่า
45 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
อนึ่ง ในน้ำ/ของเหลวทั้ง 2
ชนิด นอกจากมีสารต่างๆดังกล่าวแล้ว ยังตรวจพบสิ่งอื่นๆได้อีก เช่น
เซลล์ชนิดต่างๆตามพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นกับเยื่อหุ้มปอด (เช่น
เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดที่เกิดจากการอักเสบติดเชื้อ, เซลล์มะเร็ง), เชื้อโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุของการอักเสบติดเชื้อ
(เช่น เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา), และสารชนิดอื่นๆ (เช่น
น้ำตาลกลูโคลส (Glucose) เอนไซม์ และสารมะเร็ง/Tumor
marker ชนิดต่างๆตามแต่ละชนิดของมะเร็ง)
ก.
สาเหตุการเกิดน้ำ/ของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอดชนิดสิ่งซึมเยิ้มใส ที่พบบ่อย เช่น
ภาวะหัวใจล้มเหลว
โดยเฉพาะเมื่อเกิดจากการล้มเหลวของหัวใจห้องล่างซ้าย
โรคตับเรื้อรัง เช่น โรคตับแข็ง
โดยเฉพาะระยะที่ส่งผลให้มีโปรตีนในเลือดต่ำ
โรคปอด
ที่ส่งผลให้เกิดภาวะปอดแฟบไม่ขยายตัว เช่น จากโรคมะเร็งปอด
การล้างไตผ่านทางช่องท้อง
โรคอื่นๆที่พบได้น้อย เช่น
โรคมะเร็งปอด พบได้ประมาณ 5% ของมะเร็งปอด
ที่เหลือจะเป็นน้ำ/ของเหลวชนิดสิ่งซึมเยิ้มข้น, โรคลิ้นหัวใจตีบที่เกิดกับลิ้นหัวใจที่กั้นระหว่างห้องซ้ายบนและห้องซ้ายล่าง
(Mitral stenosis), โรคเยื่อหุ้มหัวใจหรือถุงหุ้มหัวใจอักเสบชนิดที่ก่อให้เกิดการบีบรัดหัวใจ
(Constrictive pericarditis), หัวใจล้มเหลวจากภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมนอย่างรุนแรง
ข. สาเหตุการเกิดน้ำ/ของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอดชนิดสิ่งซึมเยิ้มข้น
ที่พบได้บ่อย เช่น
จากโรคมะเร็งของปอดเอง
จากโรคมะเร็งชนิดอื่นๆแล้วแพร่กระจายสู่ปอดและ/หรือสู่เยื่อหุ้มปอด
เช่น จาก โรคมะเร็งเต้านม เป็นต้น
โรคปอดบวมติดเชื้อ
โดยเฉพาะจากเชื้อแบคทีเรีย
วัณโรคปอด
โรคจากมีการอุดกั้นของหลอดเลือดปอด
(Pulmonary embolism) จากสาเหตุต่างๆ เช่น จากลิ่มเลือด
โดยเฉพาะเมื่ออุดกั้นจนปอดขาดเลือด จนเนื้อเยื่อปอดตาย (Infarction)
โรคอื่นๆที่พบได้น้อย เช่น
จากโรคออโตอิมูน/โรคภูมิต้านตนเอง
เช่น โรคเอสแอลอี (SLE) โรคข้อรูมาตอยด์
เป็นต้น
โรคตับอ่อนอักเสบชนิดที่รุนแรง
การแพ้ยาต่างๆ (Drug adverse reaction) ที่รุนแรง เช่น
แพ้ยาปฏิชีวนะบางชนิด เป็นต้น
มีการทะลุของหลอดอาหาร เช่น
จากการดื่มน้ำกรด
จากมีการอุดกั้นทางเดินน้ำเหลืองของเยื่อหุ้มปอด
เช่น จากโรคมะเร็ง
จากปอดหรือเยื่อหุ้มปอดติดเชื้อรา
จากท่อน้ำเหลือง
หรือหลอดเลือดในปอดได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดมีอาการอย่างไร?
อาการของผู้ป่วยที่มีภาวะมีน้ำ/ของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอด
จะมีได้ 2 ลักษณะ คือ อาการที่เกิดตามสาเหตุ
และอาการที่เกิดจากการมีน้ำ/ของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอด
ก. อาการที่เกิดตามสาเหตุ
จะแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละคน ตามแต่ละสาเหตุ เช่น
บวมเท้าร่วมกับหัวใจเต้นเร็ว
เต้นอ่อน เหนื่อยง่าย เมื่อเกิดจากโรคหัวใจ
มีผื่นขึ้นในผู้ป่วยโรคออโตอิมูน/โรคภูมิต้านตนเอง
มีก้อนเนื้อในเต้านมเมื่อเกิดจากโรคมะเร็งเต้านม
หรือมีตัว ตาเหลือง
เมื่อเกิดร่วมกับโรคตับแข็ง
หรือมีไข้ ไอ มีเสมหะ
เมื่อเกิดจากปอดบวม เป็นต้น
ข.
อาการจากการมีน้ำ/ของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอด
โดยอาการจะเหมือนกันในผู้ป่วยทุกรายไม่ว่าจะเกิดจากน้ำ/ของเหลวชนิดใด
โดยเป็นอาการที่เกิดจากน้ำ/ของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอดกดเบียดทับเนื้อเยื่อปอดให้แฟบลง
ปอดจึงขาดเนื้อที่ในการแลกเปลี่ยนออก ซิเจนในอากาศกับคาร์บอนไดออกไซด์ในหลอดเลือด
ซึ่งอาการที่พบบ่อย คือ
แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก
ด้านมีน้ำ/ของเหลว
หายใจลำบาก/หายใจเหนื่อยหอบ
หายใจเร็วผิดปกติ
นอนราบแล้วหายใจไม่ได้
ต้องนั่ง หรือนอนเอนตัว
ไอเรื้อรัง
จากน้ำ/ของเหลวก่อการระคายต่อเนื้อเยื่อปอด
สะอึก
เพราะน้ำ/ของเหลวก่อการระคายต่อประสาทกระบังลม
ในผู้ป่วยที่มีน้ำ/ของเหลวไม่มาก
ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการ แพทย์ตรวจพบโดยบัง เอิญจากเอกซเรย์ภาพปอดจากตรวจโรคอื่นๆ
เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี เป็นต้น
แพทย์วินิจฉัยภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดอย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด
และหาสาเหตุการเกิดได้จาก ประวัติอาการ
ประวัติการเจ็บป่วยต่างๆทั้งในอดีตและปัจจุบัน การตรวจร่างกาย
การตรวจฟังเสียงหายใจ (ซึ่งจะลดลง หรือหายไปขึ้นกับปริมาณน้ำ/ของเหลว)
การถ่ายภาพปอดด้วยเอกซเรย์ หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
การตรวจเสมหะและ/หรือการเพาะเชื้อจากเสมหะเพื่อดูการติดเชื้อ
การตรวจเสมหะทางเซลล์วิทยา (การตรวจทางเซลล์วิทยา) เพื่อการวินิจฉัยโรคมะเร็ง
การเจาะดูดน้ำ/ของเหลวจากโพรงเยื่อหุ้มปอด เพื่อการตรวจหาสารต่างๆ (เช่น สารมะเร็ง
สารก่อการอักเสบ) หาเชื้อโรค และ/หรือเซลล์มะเร็ง
และอาจร่วมกับการส่องกล้องตรวจหลอดลม (Broncho
scope) และ/หรือการเจาะ/ดูดเซลล์จากเยื่อหุ้มปอด
และ/หรือจากก้อนเนื้อในหลอดลม และ/หรือในปอดเพื่อการตรวจทางเซลล์วิทยา
และ/หรือการตัดชิ้นเนื้อจากเยื่อหุ้มปอด และ/หรือก้อนเนื้อในหลอดลม
และ/หรือในปอดเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
ทั้งนี้ขึ้นกับความผิดปกติที่แพทย์ตรวจพบและดุลพินิจของแพทย์
รักษาภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดอย่างไร?
วิธีรักษาภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด
ได้แก่ การรักษาสาเหตุ และการรักษาประคับประ คองตามอาการ
ซึ่งการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการมักเป็นการรักษาในโรงพยาบาล
ก. การรักษาตามสาเหตุ
จะแตกต่างกันออกไปขึ้นกับแต่ละสาเหตุ เช่น
การให้ยาปฏิชีวนะเมื่อน้ำ/ของเหลวเกิดจากปอดอักเสบ
หรือปอดบวมจากติดเชื้อแบคทีเรีย
การให้ยาต้านไวรัสเมื่อน้ำ/ของเหลวเกิดจากปอดอักเสบ
ปวดบวม จากติดเชื้อไวรัส
การรักษาควบคุมโรคออโตอิมูนเมื่อสาเหตุเกิดจากโรคนี้
หรือการรักษาโรคมะเร็งปอด
อาจด้วยการให้ยาเคมีบำบัด และ/หรือรังสีรักษา เมื่อสาเหตุเกิดจากโรคมะเร็งปอด
เป็นต้น
ข.
การรักษาประคับประคองตามอาการ ที่สำคัญ คือ
การเจาะ/ดูดน้ำ/ของเหลวออกจากโพรงเยื่อหุ้มปอด เพื่อลดการกดเบียดทับเนื้อเยื่อปอด
เพื่อให้เนื้อเยื่อปอดกลับมาขยายตัวได้ตามปกติหรือใกล้เคียงปกติ
ลดอาการเหนื่อยหอบจากภาวะขาดออกซิเจน ซึ่งการเจาะ/ดูดน้ำ/ของเหลว
อาจทำเป็นครั้งคราว แต่บางครั้งถ้าปริมาณน้ำ/ของเหลวกลับเกิดซ้ำรวดเร็วมาก
แพทย์อาจใส่ท่อเชื่อมระหว่างโพรงเยื่อหุ้มปอดและขวดเก็บน้ำ/ของเหลวภายนอกร่างกาย
เพื่อระบายให้น้ำ/ของเหลวไหลออกมาได้ตลอดเวลา
หรือบางครั้งอาจใส่ยาบางชนิดเข้าในโพรงเยื่อหุ้มปอด เพื่อให้เกิดการปิดตันของโพรงนี้
เพื่อไม่ให้เกิดน้ำ/ของเหลวขึ้นมาใหม่อีก ทั้งนี้การจะเลือกใช้วิธีใดรักษา
ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น สาเหตุของการเกิดน้ำ/ของเหลว ปริมาณน้ำ/ของเหลว
อัตราการเกิดน้ำ/ของเหลว ผลลัพธ์ที่ได้จากการรักษาสาเหตุ อายุ
สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย และดุลพินิจของแพทย์
นอกจากนี้
คือการรักษาประคับประคองตามอาการอื่นๆ เช่น งดการออกแรง การให้ออกซิเจน
การให้สารน้ำ/อาหารทางหลอดเลือดดำ การให้ยาบรรเทาอาการไอ ยาช่วยละ ลายเสมหะ
และการให้ยาคลายความกังวล (คลายเครียด) เป็นต้น
อนึ่ง
ในผู้ป่วยที่ตรวจพบภาวะมีน้ำ/ของเหลวในเยื่อหุ้มปอดโดยไม่มีอาการ
แพทย์จะตรวจหาสาเหตุและให้การรักษาแบบผู้ป่วยนอก ด้วยการรักษาสาเหตุ
โดยไม่มีการเจาะดูดน้ำ/ของเหลวออก
เพราะน้ำ/ของเหลวจะหายไปได้เองเมื่อรักษาควบคุมสาเหตุได้
ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม?
ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด
จัดเป็นภาวะที่มีความรุนแรง แต่ทั้งนี้ความรุนแรงยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
ที่สำคัญ คือ สาเหตุ, ผลลัพธ์จากการรักษาสาเหตุ,
พยาธิสภาพของเนื้อเยื่อปอดและหัวใจก่อนการเกิดภาวะนี้, อายุ, และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด
ภายหลังการรักษาจนดีขึ้นแล้ว ภาวะนี้อาจย้อนกลับเป็นได้อีก
ถ้ายังไม่สามารถรักษาควบคุมสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงได้
ส่วนผลข้างเคียง/ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้จากภาวะนี้
ที่สำคัญ คือภาวะหายใจล้ม เหลว จนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้
ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
การดูแลตนเองที่สำคัญที่สุด
คือ เมื่อมีอาการเหนื่อยมากขึ้นผิดปกติโดยเฉพาะเมื่อมีการออกแรง
ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเสมอ
ส่วนเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่า
มีภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด และได้รับการรักษาในโรง
พยาบาลจนแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว การดูแลตนเองและการพบแพทย์ ได้แก่
ปฏิบัติตามแพทย์ พยาบาล
แนะนำให้ถูกต้อง ครบถ้วน
กินยาต่างๆที่แพทย์แนะนำให้ครบถ้วน
ถูกต้อง ไม่ขาดยา
พบแพทย์เสมอตามนัด
พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดเสมอเมื่ออาการต่างๆเลวลง
และ/หรือมีอาการผิดปกติไปจากเดิม และ/หรือเมื่อกังวลในอาการ
ป้องกันภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดอย่างไร?
การป้องกันภาวะมีน้ำ/ของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอด
คือการป้องกันสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงที่ได้กล่าวแล้วในหัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง
ซึ่งบางสาเหตุป้องกันได้ บางสาเหตุป้องกันไม่ได้
สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงที่ป้องกันได้
ที่สำคัญ ได้แก่ ปอดติดเชื้อ (ปอดอักเสบ ปอดบวม) โรคหัวใจ
(โรคที่มักเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ คือ โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง)
โรคตับแข็ง (มักมีสาเหตุจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
และจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ) และการแพ้ยา
ดังนั้น
การป้องกันภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด ก็คือการป้องกันโรคที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงที่ป้องกันได้นั่นเอง
ที่มา :: ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด (Pleural effusion) ; http://haamor.com/th/ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น