ประโยชน์ของชาแต่ละชนิด
▶ ชาขาว ◀
ชาขาว คือ ใบชาที่ได้มาจากการเก็บเฉพาะส่วนยอดอ่อนใบชาส่วนเดียวเท่านั้น ในขณะที่ชาเขียว คือ ใบชาที่ได้จากการเก็บยอดอ่อน ใบอ่อนใบแรกที่ติดกับยอด หรือใบอ่อนใบที่สองถัดลงมา
และชาขาวจะไม่ผ่านกรรมวิธีการหมักเช่นเดียวกับชาเขียวหรือชาดำ จึงทำให้คุณค่าทางโภชนาการและศักยภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงสุด เมื่อเปรียบเทียบกับชาชนิดอื่น ๆ
ประโยชน์ของชาขาว
▶ ชาดำ ◀
ชาดำ (Black tea) คือ ชาที่ผ่านการแปรรูป ซึ่งได้มาจากการเก็บใบชาอ่อน (ใบชาสายพันธุ์ Camellia sinensis) นำมาทำให้แห้งเพื่อลดปริมาณของน้ำลงบางส่วน แล้วนำใบชากึ่งแห้งนั้นไปคลึงหรือบดด้วยลูกกลิ้ง เพื่อให้ใบชาช้ำ ซึ่งเซลล์ในใบชาจะแตกช้ำโดยใบไม่ขาด และเอนไซม์ในเซลล์จะย่อยสลายสารเกิดเป็นกระบวนการหมัก
ทำให้เกิดกลิ่นและรสจนใบชาเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีทองแดง เมื่อทิ้งไว้ระยะหนึ่งก่อนใช้ความร้อนเป่าไปที่ใบชา (หรืออาจนำใบชาไปอังไฟ หรือรมด้วยไอน้ำ) เอนไซม์จะหมดฤทธิ์ ใบชาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ เมื่อนำไปตากหรืออบให้แห้ง จากนั้นก็บดหรือหั่นตามแต่ชนิดของชา ซึ่งชาที่ได้มานี้จะเรียกว่า “ชาดํา“
ประโยชน์ของชาดำ
• ช่วยบำรุงหัวใจ
• ช่วยบำรุงกระเพาะ
• ช่วยในการย่อยอาหาร บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย
• ช่วยบำรุงโลหิตสำหรับสตรีที่มีประจำเดือน
• ในใบชามีสารฟลูออไรด์ที่ช่วยยับยั้งแบคทีเรียในช่องปาก จึงช่วยป้องกันฟันผุ และช่วยลดอาการสึกหรอของฟันได้เป็นอย่างดี
• ชาดำนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นเดียวกับ ชาเขียว ชาขาว ชาวอู่หลง จึงช่วยในการล้างสารพิษในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ และช่วยในการชะลอวัย
• ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แก้อาการง่วงนอน เพราะในชาดำจะมีสารกาเฟอีนที่ทำให้รู้สึกสดชื่น ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและช่วยกระตุ้นระบบกล้ามเนื้อหัวใจ
• ชาดำมีส่วนในการช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้เป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญ ช่วยละลายไขมัน ทำให้ไขมันแตกตัว
และช่วยในการลดน้ำหนัก (ควรเป็นชาร้อน เพราะจะช่วยลดไขมัน ถ้าเป็นชาเย็นจะทำให้ไขมันเกิดการจับตัว)
▶ ชาเขียว ◀
ประโยชน์ของชาเขียว
• เพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน และลดคอเลสเตอรอล
ชาเขียวมีส่วนช่วยในการเพิ่มอัตราการเผาผลาญแคลอรี 4 % รวมทั้งสารสกัดจากชาเขียวสามารถเพิ่มการออกซิเดชั่นของไขมันได้ 17% เหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก
• ป้องกันโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ชาเขียวมีส่วนช่วยในการเพิ่มความไวของอินซูลิน (Insulin) และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
• ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง สำหรับผู้ที่ดื่มชาเขียวทุกๆวัน หรือมีพฤติกรรมการจิบชาเขียวในแต่ละมื้ออาหารเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้
• เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมอง ชาเขียวจะมีคาเฟอีน ที่ช่วยในการกระตุ้นการทำงานของสมอง
และมีกรดอะมิโนแอล-ธีอะนีน (Amino acid L-theanine) ที่ช่วยเพิ่มการทำงานของสารสื่อประสาทกาบา (GABA)ที่รักษาความสมดุลของระบบสื่อประสาท ทำให้สมองผ่อนคลาย ลดความเครียด นอนหลับสนิท
• ป้องกันโรคสมองเสื่อม ชาเขียวจะมีสารประกอบของคาเทชิน มีส่วนช่วยในการป้องกันเซลล์ประสาท ซึ่งมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะสมองเสื่อมได้
• ป้องกันโรคมะเร็ง ชาเขียวจะมีสารโพลีฟีนอล (Polyphenols) มีส่วนในการลดความเจริญเติบโตของเนื้องอก เช่น มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งผิวหนัง มะเร็งรังไข่ มะเร็งต่อมลูกหมาก รวมทั้งมะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก
• มีส่วนช่วยในการบำรุงหัวใจ และช่วยลดคอเลสเตอรอล(Cholesterol)ในเลือด
การดื่มชาเขียวอย่างเหมาะสม
• การดื่มชาเขียวควรดื่มไม่เกิน 4 – 5 ถ้วยต่อวัน เพราะถ้าหากมากกว่านั้น อาจทำให้ได้รับคาเฟอีน เกิน 200 มิลลิกรัม และส่งผลกระทบต่อร่างกายได้
• ควรดื่มชาเขียวระหว่างรับประทานอาหาร และหลังการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ จะทำให้จะทำให้อิ่มง่าย ไม่หิวบ่อย ช่วยลดการกินอาหารจุบจิบได้ สามารถลดน้ำหนักได้ผลเช่นกัน
• ควรเลือกชาเขียวที่ชงจากถุง หรือชาเขียวที่เป็นใบชาสำหรับชงดื่มเท่านั้น หากเลือกบริโภคแบบขวดตามร้านสะดวกซื้อ จะมีปริมาณน้ำตาลที่สูง ไม่ควรดื่มบ่อยๆ
ชาเขียวที่มีคุณภาพจะได้จากใบชาคู่ที่หนึ่งและใบชาคู่ที่สองที่เก็บจากยอด สำหรับสี กลิ่น และรสชาติของชานั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณของสารคาเทชินที่มีอยู่ในชา ลักษณะของสีน้ำชา ถ้าชงชาจากใบชาจะให้น้ำชาออกสีเหลืองอ่อนไปจนถึงสีเขียวอ่อน
▶ ชาดอกไม้-ชาผลไม้ ◀
ชาดอกไม้-ชาผลไม้เป็นชาที่ทำจากดอกไม้-ผลไม้แห้งและเป็นชาที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ของสาวๆ
ตอบโจทย์คนที่ไม่ชอบคาเฟอีนหรืออยากบริโภคคาเฟอีนในปริมาณที่น้อยลง เพราะชาชนิดนี้แทบจะไม่มีคาเฟอีนเลย ยกเว้นเสียจากชาจากแบรนด์นั้นได้ใช้ชาดำหรือชาเขียวมาผสมกับผลไม้เพื่อให้รสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้น
โดยผลไม้ที่นิยมนำมาทำชาคือแอปเปิล, ส้ม, มะนาว, สตรอว์เบอร์รี, บลูเบอร์รี, ราสเบอร์รี, ลูกพีช, เสาวรส ฯลฯ ชาผลไม้มีรสชาติอร่อยและให้ความสดชื่นแก่ผู้ที่ทานได้เป็นอย่างดี แต่นอกจากความสดชื่นแล้วชาดอกไม้-ผลไม้ยังมีประโยชน์มากมายอีกด้วย
ที่นิยมดื่มกันมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นกับ
❀ ชากุหลาบ ❀
ชากุหลาบนอกจากจะมีสีสันสวยงามและกลิ่นหอมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดแล้ว
ยังมีสรรพคุณมากมายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยค่ะ เช่น
• มีสารต้านอนุมูลอิสระ
• บำรุงระบบหัวใจให้แข็งแรง
• บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
• แก้อาการปวดประจำเดือนของผู้หญิง
• ช่วยให้ร่างกายสดชื่น มีความกระปรี้กระเปร่า
• แก้อาการอ่อนเพลีย
• บำรุงเลือด ตับ และม้าม
✽ ชาดอกคาโมมายล์ ✽
ชาดอกคาโมมายล์เป็นชาดอกไม้ที่มีฤทธิ์ของสารในกลุ่มเทอร์ปีน ฟลาโวนอยด์
สรรพคุณของชาคาโมมายล์
• ช่วยให้หลับลึกและหลับสบายมากขึ้น
• ทำให้รู้สึกผ่อนคลายความเครียดหรือความวิตกกังวล
• ลดอาการปวดหัว
• ต้านโรคมะเร็งและโรคหัวใจ
• ลดอาการท้องอืดหรือการเกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร
#ชา #สรรพคุณของชา #ประโยชน์ของชา #ใบชา #Tea #ข้อดีของการดื่มชา #ChineseTea #ThaiTea #BenefitsOfTea #Matcha #WhiteTea #GreenTea #OolongTea #BlackTea #Pu-erhTea #วันชาสากล #InternationalTeaDay
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
https://www.petcharavejhospital.com/th/
https://bestreview.asia/best-fruit-tea/
https://sarabann.com/
ประโยชน์ของชาเขียว 🍵
ตอบลบไม่ใช่แค่รสชาติที่ทำให้หลายคนต่างหลงรักชาเขียว แต่ด้วยสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทำให้ชาเขียวได้รับความนิยม ดังนี้
🔵 ลดคอเลสเตอรอล : หรือไขมันชนิดไม่ดีที่อาจนำไปสู่โรคหัวใจ พร้อมเพิ่มปริมาณไขมันชนิดดีให้กับร่างกาย
🔵 ช่วยลดน้ำหนัก : ชาเขียวเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและไขมันโดยเฉพาะไขมันหน้าท้อง
🔵 ลดกลิ่นปากและป้องกันฟันผุ : เพราะมีสารโพลิฟีนอลและแคททีซิน ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียสาเหตุของฟันผุ
🔵 ชะลอความแก่ : เพิ่มความชุ่มชื้น ความเปล่งปลั่งให้ผิวหน้า ลดริ้วรอยก่อนวัยและจุดด่างดำต่าง ๆ
🔵 ป้องกันโรคเบาหวาน : ชาเขียวช่วยเพิ่มความไวของอินซูลิน (Insulin) และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
🔵 ลดความเสี่ยงสมองเสื่อม : สารสกัดจากชาเขียวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อของสมอง ป้องกันเซลล์ประสาท ลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมได้
🍵 ดื่มชาเขียวอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
นอกจากสรรพคุณมากมายที่ได้รับจากการดื่มชาเขียวแล้ว หากอยากได้รับประโยชน์ดี ๆ จากชาเขียวอย่างเต็มที่ก็ควรต้องเลือกดื่มให้เหมาะสม ดังนี้
1. หลีกเลี่ยงการดื่มชาเขียวกับนม : เนื่องจากโปรตีนในนมจะจับกับสารอาหารของชาเขียว ทำให้ประโยชน์ของชาเขียวลดลง
2. ชาเขียวต้องเข้มข้น : เพราะความเข้นข้นจากชาเขียวจะทำให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่เพียงพอต่อวัน
3. ดื่มเมื่อชงเสร็จใหม่ ๆ : ในชาเขียวมีสารอีพิกัลโลคาเทชินกัลเลตที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และจะสลายเมื่อโดนความร้อนเป็นเวลานาน
4. ดื่มไม่เกิน 4 – 5 ถ้วยต่อวัน : เพราะอาจทำให้ได้รับคาเฟอีน เกิน 200 มล. และส่งผลกระทบต่อร่างกายได้
5. ดื่มระหว่างกินข้าว : หรือหลังกินอาหารในแต่ละมื้อ จะช่วยให้อิ่มง่าย ป้องกันการดูดซึมไขมันในร่างกาย
6. ไม่ผสมน้ำตาล : ควรเลือกชาเขียวที่ชงจากถุง หรือเป็นใบชาสำหรับชงดื่มเท่านั้น หากดื่มแบบผสมน้ำตาลอาจเสี่ยงเป็นเบาหวานได้
🔖 komchadluek
🍵 ช่วงเวลาไหนเหมาะกับการดื่มชาเขียวที่สุด
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดื่มชาเขียว แม้เป็นรายละเอียดเล็กน้อย แต่ถ้าทำได้คุณก็จะได้รับประโยชน์จากชาเขียวมากขึ้น
ดื่มหลังอาหารเช้า : ช่วยป้องกันการขาดน้ำ
ดื่มครึ่งชั่วโมงก่อนออกกำลังกาย : ช่วยเบิร์นไขมัน
ดื่มครึ่งชั่วโมงก่อนนอน : ช่วยเผาผลาญพลังงานและไขมัน
ดื่ม 2-3 ถ้วยต่อวัน : ช่วยดีท็อกซ์ร่างกาย
🔖 thestandard
ประโยชน์ของชาเขียว
ตอบลบชาเขียว ก็คือ ชาที่ไม่ผ่านการหมัก เตรียมได้โดยการนำใบชาสดมาผ่านความร้อนเพื่อทำให้แห้งอย่างรวดเร็ว ความร้อนจะช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ทำให้ไม่เกิดการสลายตัว ทำให้ได้ใบชาที่แห้งแต่ยังสดอยู่และยังมีสีที่ค่อนข้างเขียวจึงเรียกว่า ชาเขียว สารสำคัญที่พบได้ในชาเขียวได้แก่ กรดอะมิโน วิตามิน B, C, E, คาเฟอีน, ธิโอฟิลลีน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางส่งผลให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า และสารอีพิกัลโลคาเทชินกัลเลต (เป็นแคทที่พบมากที่สุดในชาเขียว) ซึ่งมีความสำคัญในการออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
ประโยชน์ของชาเขียว
ชาเขียวที่คนไทยนิยมบริโภคมีทั้งชาเขียวแบบใบและแบบบดละเอียดหรือเรียกว่ามัทฉะ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราเช่นกันถ้าดื่มอย่างถูกวิธี โดยประโยชน์ของชาเขียวอ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์เมดไทยและเว็บไซต์คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล มีดังนี้
1. มีสารคาเฟอีนและธิโอฟิลลีน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางส่งผลให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
2. มีสารอีพิกัลโลคาเทชินกัลเลต (EGCG) ซึ่งมีความสำคัญในการออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และมีฤทธิ์ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและไขมันจึงส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนักของร่างกาย
3. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือด และมีงานวิจัยทางคลินิคพบว่าชาเขียวมีฤทธิ์ต่อต้านการเกิดโรคของหลอดเลือดหัวใจด้วย
4. ชาเขียวถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคตั้งแต่โรคปวดศีรษะไปจนถึงโรคซึมเศร้า ซึ่งในประเทศจีนมีการใช้ชาเขียวเป็นยามามากกว่า 4,000 ปีแล้ว
5. ช่วยทำให้เจริญอาหาร
6. แก้เมาเหล้า และทำให้สร่างเมา
7. ช่วยแก้หวัด แก้ร้อนใน ช่วยขับเหงื่อ ขับสารพิษตกค้าง
8. ช่วยให้ผ่อนคลายอารมณ์ สงบประสาท ระบายความร้อนจากศีรษะและเบ้าตา ทำให้สดชื่น ตาสว่าง ไม่ง่วงนอน และช่วยทำให้หายใจสดชื่น
9. ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ ระบายความร้อนออกจากปอด และช่วยขับเสมหะ
10. ช่วยแก้บิด ท้องร่วง ท้องเสีย
11. ช่วยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ จึงสามารถช่วยล้างสารพิษและกำจัดพิษในลำไส้ได้
12. ช่วยป้องกันตับจากพิษและโรคอื่นๆ
13. ช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
14. ชาเขียวมีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้ ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส ต้านเชื้อ Botulinus และเชื้อ Staphylococcus
15. ช่วยขับปัสสาวะ ป้องกันนิ่วในถุงน้ำดีและในไต
16. ช่วยในการห้ามเลือดหรือทำให้เลือดไหลช้าลง
17. ใช้เป็นยาพอกรักษาแผลอักเสบ แผลพุพอง ไฟไหม้ ฝีหนอง ช่วยบรรเทาอาการผดผื่นคัน ผิวร้อนแห้ง แมลงสัตว์กัดต่อย และยังใช้เป็นยากันยุงได้อีกด้วย
18. ชาเขียวสามารถช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบรูมาติก (Rheumatic arthritis) ซึ่งมีอาการอักเสบบวมแดง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ ที่มักเกิดกับสตรีวัยกลางคน
จากข้อมูลข้างต้นเห็นได้ว่าการดื่มชาเขียวมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ทั้งช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและไขมันส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนักของร่างกาย ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น
8 ข้อ ประโยชน์ของการดื่มชาที่คุณอาจไม่รู้
ตอบลบ• ผู้ที่นิยมดื่มน้ำชาร้อนๆ
สารสำคัญที่เป็นประโยชน์คือ Catechins (คาเทคชินส์) จะถูกความร้อนของน้ำทำลายไปเกือบหมดทำให้เหลือแต่ความหอมและรสชาติ ถ้าต้องการให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ และยังนิยมดื่มชาร้อน ๆ ควรดื่มน้ำชาที่เข้มข้น ซึ่งจะทำให้มีปริมาณสารคาเทคชินส์ที่เข้มข้น แม้สารเหล่านี้จะสลายตัวไปบางส่วนเมื่อโดนความร้อนจากน้ำร้อนก็จริง แต่จะยังคงมีบางส่วนที่หลงเหลืออยู่และพอจะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพได้บ้าง
• ชาเขียวหรือสารสกัดจากใบชาสด
หากนำมาเตรียมเป็นเครื่องดื่มแช่เย็น ในความเย็นจะช่วยรักษาคุณค่าของสารสำคัญในใบชาไว้ได้ดี แต่หากผ่านกระบวน การผลิต ซึ่งเครื่องดื่มชาเขียวจะต้องผ่านขบวนการทำให้ร้อนในขบวนการฆ่าเชื้อจุลลินทรีย์ ก่อนบรรจุลงในขวด ปริมาณสารสำคัญในน้ำชาเขียวก็จะถูกทำลายหรือลดน้อยลงไปเช่นกัน
• น้ำชาไม่ควรแต่งรสด้วยนมทุกชนิด
การดื่มน้ำชาไม่ว่าจะชาร้อนหรือชาที่แช่เย็น ไม่ควรแต่งรสด้วยนมไม่ว่าจะน้ำนมสด นมข้นหรือนมผง เพราะโปรตีนที่อยู่ในนมจะไปจับกับสารสำคัญในชา ส่งผลทำให้เกิดการทำลายประสิทธิภาพสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งวิธีการดื่มชาให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ ควรเลือกดื่มน้ำชาล้วนๆไม่ควรปรุงแต่ง เพราะผู้ที่ชื่นชอบชาเย็นใส่นมจะไม่ได้ประโยชน์ จากใบชาแน่นอน
• ข้อควรรู้จากประโยชน์ของการดื่มชา
1. ในช่วงที่อากาศร้อนๆ การดื่มชาจะช่วยทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้น เพราะในใบชามีสารโพลีฟีนอล กรดอะมิโน และคาร์โบไฮเดรต เมื่อสารเหล่านี้ทำปฏิกิริยากับน้ำลายจะช่วยกระจายความร้อนส่วนเกินในร่างกายได้
2. ชาเป็นเครื่องดื่มที่มีธาตุอาหารอยู่หลากหลายชนิด ช่วยบำรุงร่างกายให้มีสุขภาพดี และช่วยกระตุ้นระบบประสาทและร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในใบชามีสารคาเฟอีนที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้ช่วยหมุนเวียนโลหิต
3. ชามีอิทธิพลต่อกระบวนการเมตาบอลิซึมของเซลล์ภายในร่างกาย ซึ่งมีการใช้ชาผสมกับยาแก้ปวด เพื่อช่วยเพิ่มฤทธิ์ในการรักษาโรคไมเกรน และทำให้ยาออกฤทธิ์ได้นานยิ่งขึ้น
4. ดื่มชาเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงและสดชื่น ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ที่สำคัญคือช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชราและมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณ
5. ดื่มชาบ่อยๆ มีผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ และช่วยสลายไขมัน ลดระดับคอเลสเตอรอล โดยไปเพิ่มการขับคอเลสเตอรอลในร่างกายผ่านทางน้ำดีในอุจจาระ
6. ชาจีน สามารถควบคุมการเกิดโรคอ้วนได้ เพราะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค ต้านจุลชีพ ช่วยลดการอักเสบ สมานแผล ช่วยขับและล้างสารพิษในร่างกาย ซึ่งในใบชามีสารโฟลีฟีนอลที่สามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ได้
7. คนญี่ปุ่นเชื่อว่าการดื่มชาจะสามารถ ช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร เพราะใบชามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและช่วยเสริมสุขภาพ
8. ชามีประโยชน์ต่อระบบหัวใจ และช่วยในการไหลเวียนของโลหิต ซึ่งจะช่วยขยายหลอดเลือด ป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตับ การดื่มชายังช่วยรักษาอาการเจ็บหน้าอก และกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
REF http://bit.ly/2CJwJTA