Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567

16 ประโยชน์ของมัทฉะ

 

16 ประโยชน์ของมัทฉะ



มัทฉะคืออะไร?

มัทฉะ (Matcha) เป็นชาเขียวผงชนิดพิเศษที่ปลูกและผลิตในประเทศญี่ปุ่น เป็นส่วนสำคัญของพิธีชงชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีมานานหลายศตวรรษ และได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลกจากรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และด้านประโยชน์ต่อสุขภาพ คำว่า "มัทฉะ" นั้นแปลว่า "ชาผง"



ประโยชน์ของมัทฉะ


โดยปกติแล้วผง "มัทฉะ" ธรรมดามีแคลอรีที่ต่ำมากและสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการไดเอทและสุขภาพที่ดีได้ การดื่มมัทฉะทุกวันนั้นมีประโยชน์มากมาย ทั้งในด้านของสุขภาพกาย และสุขภาพจิต


1.อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants)

"มัทฉะ"เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะ "คาเทชิน (catechins)" ซึ่งเป็นสารประกอบตามธรรมชาติที่ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์และให้ประโยชน์ต่อสุขภาพอื่นๆ สารต้านอนุมูลอิสระที่มีความเข้มข้นสูงในมัทฉะช่วยให้ร่างกายป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย ลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและมะเร็งได้

2.ช่วยให้จิตใจความสงบ ผ่อนคลาย

"มัทฉะ"มีกรดอะมิโน แอล-ธีอะนีน (amino acid L-Theanine) ซึ่งจะช่วยเพิ่มคลื่นอัลฟ่าในสมองทำให้รู้สึกผ่อนคลายโดยไม่รู้สึกง่วงนอน สิ่งนี้สามารถช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ แอล-ธีอะนีน ยังช่วยเพิ่มสมาธิและความจำ ทำให้มัทฉะเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ในการเริ่มต้นวันใหม่ที่สดใส

3.บำรุงหัวใจ

การบริโภค"มัทฉะ"เป็นประจำสามารถช่วยบำรุงหัวใจได้เนื่องจากมีผลในการลดคอเลสเตอรอล สารต้านอนุมูลอิสระใน"มัทฉะ"สามารถช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชันของคอเลสเตอรอล LDL (คอเลสเตอรอลที่ "ไม่ดี") ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจได้

4.ให้พลังงานที่เสถียร

"มัทฉะ"ให้พลังงานที่เสถียรอ่อนโยน เนื่องจากการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของคาเฟอีนจากธรรมชาติและ แอล-ธีอะนีน ทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉงแบบอ่อนโยน ซึ่งแตกต่างจากกาแฟซึ่งสามารถทำให้หัวใจเต้นเร็วเกินได้ คาเฟอีนในมัทฉะจะถูกปล่อยออกมาอย่างช้าๆ ทำให้ระดับพลังงานคงที่

5.ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก

การศึกษาชี้ให้เห็นว่าคาเทชินใน"มัทฉะ"สามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันได้ ซึ่งสามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักได้ง่ายและเร็วขึ้น มัทฉะสามารถเป็นตัวช่วยเสริมที่ดีสำหรับการไดเอทและการใช้ชีวิตในประจำวัน

6.ล้างสารพิษในร่างกาย

คลอโรฟิลล์ที่มีอยู่ใน "มัทฉะ"(ซึ่งทำให้มีสีเขียวสดใส) การดื่มชานี้เป็นประจำสามารถช่วยล้างพิษในร่างกายตามธรรมชาติ ขจัดสารพิษที่เป็นอันตรายออกจากระบบร่างกาย และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตับอีกด้วย

7.ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน

การรวมกันของสารต้านอนุมูลอิสระ แอล-ธีอะนีน, EGCG (Epigallocatechin Gallate) และวิตามินต่างๆ ที่มีอยู่ใน"มัทฉะ"ทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

8.  ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน 

มัทฉะมีสารโพลีฟีนอล แอล-ธีอะนีน และคาเทชิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ลดริ้วรอย ป้องกันผมร่วง และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย

9. ช่วยบำรุงร่างกาย ปรับสมดุลการทำงานของระบบต่าง ๆ 

มัทฉะอุดมไปด้วยวิตามินบี ซี และอี ซึ่งมีส่วนช่วยในการปรับสมดุลการทำงานของร่างกาย บำรุงสายตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดอาการภูมิแพ้ทางเดินหายใจ เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง มีส่วนช่วยในการขยายหลอดลม เป็นต้น

10. ช่วยให้ร่างกายตื่นตัว 

มัทฉะมีคาเฟอีนซึ่งจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว ช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการปวดภายในร่างกาย ในขณะเดียวกันก็มีแอล-ธีอะนีน ซึ่งช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย ควบคุมความเครียด บรรเทาอาการอ่อนเพลียที่อาจเกิดจากคาเฟอีนได้อีกด้วย

11. ช่วยให้ผ่อนคลาย บำรุงหัวใจและหลอดเลือด

มัทฉะจะมีสารธีโอฟิลลีน และธีโอโบรมีน ซึ่งมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ ช่วยในการขยายหลอดลม เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ลดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งและอาการปวดเค้นหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยให้ตื่นตัว ลดความตึงเครียด และรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย

12.  ช่วยบำรุงผิวให้สุขภาพดี ดูอ่อนกว่าวัย

มัทฉะมีคลอโรฟิลล์ และสารต้านอนุมูลอิสระอีกหลายชนิดที่มีส่วนช่วยในให้ผิวมีสุขภาพดี ขับสารพิษ ทำให้รูขุมขนดูเล็กลง ลดเลือนริ้วรอย และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นแก่ผิว

13. ช่วยลดกลิ่นปาก 

มัทฉะมีฟลูออไรด์ซึ่งจะช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และกำจัดจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ ภายในช่องปากได้ เช่น การป้องกันฟันผุ รวมทั้งช่วยบำรุงสุขภาพเหงือกและฟัน และป้องกันการเกิดคราบจุลินทรีย์ (คราบพลัค) ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปากได้อีกด้วย

14. ช่วยปกป้องตับ

ตับเป็นอวัยวะสำคัญต่อสุขภาพ ทำหน้าที่ขับล้างสารพิษ เผาผลาญยา และประมวลผลสารอาหาร งานวิจัยบางชิ้นพบว่ามัทฉะอาจช่วยส่งเสริมสุขภาพตับ

  • บทวิจารณ์งานวิจัย 15 ชิ้นในปี 2015 ระบุว่า การดื่มชาเขียวเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคตับที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม ในปี 2020 ผู้เชี่ยวชาญบางท่านตั้งข้อสังเกตว่า แม้มัทฉะอาจช่วยลดเอนไซม์ตับในผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับไม่ติดเชื้อ (NAFLD) แต่ในผู้ที่ไม่มีโรค NAFLD อาจจะกลับเพิ่มเอนไซม์ตับได้ จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อศึกษาผลกระทบของมัทฉะต่อประชากรทั่วไป เนื่องจากงานวิจัยส่วนใหญ่ยังจำกัดอยู่แค่การทดลองผลกระทบของสารสกัดชาเขียวในสัตว์

15. เสริมสร้างสมอง

สารประกอบหลายชนิดในมัทฉะอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง การศึกษาหนึ่งกับผู้เข้าร่วม 23 คน วัดผลการทำงานสมองผ่านชุดทักษะต่างๆ ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ทานมัทฉะมีสมาธิ เวลาตอบสนอง และความจำที่ดีกว่ากลุ่มควบคุม อีกการศึกษาขนาดเล็กชี้ว่า การทานผงชาเขียว 2 กรัมทุกวันเป็นเวลา 2 เดือน ส่งผลดีต่อการทำงานสมองของผู้สูงอายุ

มัทฉะมีคาเฟอีนมากกว่าชาเขียว โดยทั่วไป ชาเขียวจะมีคาเฟอีนประมาณ 11–25 มิลลิกรัมต่อกรัม (mg/g) ขึ้นอยู่กับชนิด ยี่ห้อ และการผลิต ส่วนมัทฉะจะมี 19–44 mg/g นอกจากนี้ มัทฉะยังมีสารประกอบที่เรียกว่า L-theanine ซึ่งช่วยปรับเปลี่ยนผลกระทบของคาเฟอีน ทำให้รู้สึกตื่นตัว แต่ป้องกันอาการตื่นเต้นเกินไปและพลังงานตกเฉียบพลันหลังจากได้รับคาเฟอีน

16. มัทฉะกับมะเร็ง อาจช่วยป้องกันได้

แม้ยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติม แต่อาหารยอดนิยมอย่างมัทฉะก็อาจมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งได้ สรรพคุณนี้เกี่ยวข้องกับสารประกอบบางชนิดในมัทฉะ โดยเฉพาะ เอพิคาเทชิน-3-กัลเลท (EGCG) คาเทชินชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติต้านมะเร็งอย่างเห็นผล การดื่มมัทฉะก็ยังส่งผลดีต่อสุขภาพในด้านอื่นๆ มากมาย เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ การทำงานของสมอง และสุขภาพหัวใจ ดังนั้น จึงถือเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่น่าสนใจ และสามารถเพลิดเพลินได้อย่างปลอดภัย



มัทฉะคืออะไร?


มัทฉะ (Matcha) เป็นชาเขียวผงชนิดพิเศษที่ปลูกและผลิตในประเทศญี่ปุ่น เป็นส่วนสำคัญของพิธีชงชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีมานานหลายศตวรรษ และได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลกจากรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และด้านประโยชน์ต่อสุขภาพ คำว่า "มัทฉะ" นั้นแปลว่า "ชาผง"

"抹" อ่านว่า "มะ" และแปลว่า "ถู" หรือ "บด"
"茶" อ่านว่า "ชา" แปลว่า "ชา"

ดังนั้น เมื่อรวมกันแล้ว "抹茶" หมายถึง "ชาบด"หรือ"ชาผง" ซึ่งก็คือมัทฉะนั่นเอง - ผงบดละเอียดของใบชาเขียวที่ปลูกเป็นพิเศษและแปรรูป


ต้นกำเนิด
ต้นกำเนิดของมัทฉะต้องย้อนกลับไปที่ประเทศจีนในช่วงราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) ชาวจีนในยุคนั้นจะนำใบชามานึ่งแล้วปั้นเป็นก้อนอิฐเพื่อความสะดวกในการขนส่งและค้าขาย จากนั้นนำก้อนชาเหล่านี้มาบดเป็นผงแล้วผสมกับน้ำร้อน การบริโภคชารูปแบบนี้ได้แพร่ไปยังประเทศญี่ปุ่นโดยพระสงฆ์ชื่อ Eisai ในช่วงปลายศตวรรษที่ 12 ซึ่งชาชนิดนี้ถูกใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาในอารามทางพุทธศาสนา

อย่างไรก็ตาม ในญี่ปุ่นนั้นการเพาะปลูกและการบริโภคชาผงนั้นเฟื่องฟูอย่างแท้จริง ในที่สุดก็พัฒนาเป็นรูปแบบพิเศษที่เรียกว่ามัทฉะ ชาวญี่ปุ่นเริ่มปลูกต้นชาในที่ร่มเพื่อเพิ่มปริมาณคลอโรฟิลล์ในใบ ซึ่งทำให้ผงชาที่ได้มีสีเขียวสดใสและมีรสชาติเฉพาะตัว วิธีการปลูกนี้ยังช่วยเพิ่มระดับของสารอาหารบางชนิดในชา รวมทั้งแอล-ธีอะนีนและคาเฟอีน

ในศตวรรษที่ 16 ปรมาจารย์ด้านชาชื่อ Sen no Rikyu ได้กำหนดวิธีการทำและเสิร์ฟมัทฉะตามแบบพิธีการ ซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นและยังคงปฏิบัติตามมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้เขายังมีบทบาทสำคัญในการทำให้มัทฉะเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นซามูไรของญี่ปุ่นอีกดวย

เมื่อเวลาผ่านไป มัทฉะกลายเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมและประเพณีของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านพิธีชงชาที่เรียกว่า "ชาโนยุ (Chanoyu)" หรือวิถีแห่งชา พิธีนี้เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี ความเคารพ ความบริสุทธิ์ และความเงียบสงบ

แม้ว่ามัทฉะจะเลิกได้รับความนิยมในจีนและนิยมนำไปชงเป็นชาใบหลวมแทน แต่ก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่นและเริ่มได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลกในศตวรรษที่ 21 ปัจจุบันมัทฉะได้รับความนิยมไม่เพียงแค่รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และประโยชน์ต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้งอีกด้วย


กระบวนการผลิต
การผลิตมัทฉะเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน สองสามสัปดาห์ก่อนการเก็บเกี่ยว ต้นชาที่ใช้สำหรับมัทฉะจะได้รับร่มเงาเพื่อป้องกันแสงแดดโดยตรง กระบวนการนี้จะเพิ่มปริมาณคลอโรฟิลล์ ทำให้ใบมีสีเขียวสดใส และเพิ่มปริมาณกรดอะมิโน โดยเฉพาะ แอล-ธีอะนีน ซึ่งเชื่อว่ามีผลทำให้สงบ ผ่อนคลาย

หลังจากเก็บใบแล้ว ก็นำไปนึ่ง จากนั้นผึ่งลมให้แห้ง ใบชาแห้งที่เรียกว่า “เทนฉะ” จะถูกบดเป็นผงละเอียดโดยใช้เครื่องโม่หิน ผงละเอียดนี้เป็นผงมัทฉะที่ใช้ในพิธีชงชาและปรุงอาหาร


รสชาติ
มัทฉะโดดเด่นในรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อุดมไปด้วยผักและรสหวานเล็กน้อย หรืออาจจะมีรสขมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นมัทฉะคุณภาพต่ำหรือชงด้วยน้ำที่ร้อนเกินไป

 



ขั้นตอนการชงมัทฉะที่ดีที่สุด
การชงมัทฉะเป็นวิธีการที่สงบ ใจเย็น ใช้เวลาและได้เพลิดเพลินไปกับมัน ผลลัพธ์ที่ได้คือเครื่องดื่มสีเขียวที่สวยงาม มีชีวิตชีวา และดีต่อสุขภาพ

  1. อุ่นชาม
    ขั้นแรก เทน้ำร้อนลงในชามมัทฉะเพื่อให้ชามอุ่น หลังจากนั้นสักครู่ ให้เทน้ำทิ้งและใช้ผ้าเช็ดชามให้แห้ง

  2. ตวงผงมัทฉะ
    ใช้ chashaku (ช้อนไม้ไผ่) ตวงผงมัทฉะ 1-2 สกู้ป (เทียบเท่า 1-2 ช้อนชา) แล้วใส่ลงในชามที่อุ่นไว้ หากต้องการรสชาติที่เข้มข้นขึ้น ก็สามารถเติมมัทฉะเพิ่มได้

  3. เติมน้ำ
    เทน้ำร้อนประมาณ 2 ออนซ์ (60 มิลลิลิตร) ลงในชาม น้ำควรร้อนแต่ต้องไม่เดือด อุณหภูมิที่เหมาะสมคือประมาณ 80°C (175°F) น้ำเดือดอาจทำให้มัทฉะไหม้และทำให้มีรสขมได้

  4. ตีมัทฉะ
    ใช้ Chasen (ตะกร้อไม้ไผ่) ผสมผงมัทฉะกับน้ำเข้าด้วยกัน ปัดในลักษณะซิกแซกหรือตัวอักษร "W" จนกว่าผงทั้งหมดจะละลายและชาเกิดฟอง ควรใช้เวลาประมาณ 15-30 วินาที

  5. พร้อมดื่ม
    ตอนนี้ชามัทฉะก็พร้อมดื่มแล้ว! ให้ดื่มด่ำรสชาติและกลิ่นหอมในขณะที่ยังอุ่นและเป็นฟองอยู่




มัทฉะ ,  Matcha  ,  ชาเขียว  , Green Tea  , ประโยชน์ของมัทฉะ   , ประโยชน์ของ Matcha   ,  Benefits of Matcha Tea  ,  Benefits of  Matcha  ,  Health Benefits of Matcha  ,  Matcha Tea  ,  Matcha Benefits  ,  Matcha Tea Benefits



ที่มา ::    https://board.postjung.com/1545767  ,  https://www.bluekoff.com/  ,  https://www.sanook.com/women/246637/  ,  https://chillchilljapan.com/dictionary/matcha/



4 ความคิดเห็น:

  1. 6 สุดยอดประโยชน์ด้านสุขภาพของ "มัทฉะ"


    6 ประโยชน์ด้านสุขภาพของมัทฉะ


    1.อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

    มัทฉะอุดมไปด้วยคาเทชิน ซึ่งเป็นสารประกอบจากพืชชนิดหนึ่งในชาที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ สารต้านอนุมูลอิสระช่วยทำให้โมเลกุลอิสระที่เป็นอันตราย ซึ่งเป็นสารประกอบที่สามารถทำลายเซลล์และก่อให้เกิดโรคเรื้อรัง เสถียรขึ้น แม้มัทฉะปลูกในที่ร่ม ทำให้ปริมาณคาเทชินเมื่อเก็บเกี่ยวจะต่ำกว่าชาเขียวชนิดอื่น แต่เมื่อชงละลายในน้ำ ปริมาณคาเทชินจะเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า

    งานวิจัยหนึ่งแสดงให้เห็นว่าการเสริมอาหารมัทฉะให้หนูทดลองช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากโมเลกุลอิสระและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ การรวมมัทฉะไว้ในอาหารของคุณอาจเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายชนิด

    2.ช่วยปกป้องตับ

    ตับเป็นอวัยวะสำคัญต่อสุขภาพ ทำหน้าที่ขับล้างสารพิษ เผาผลาญยา และประมวลผลสารอาหาร งานวิจัยบางชิ้นพบว่ามัทฉะอาจช่วยส่งเสริมสุขภาพตับ

    บทวิจารณ์งานวิจัย 15 ชิ้นในปี 2015 ระบุว่า การดื่มชาเขียวเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคตับที่ลดลง
    อย่างไรก็ตาม ในปี 2020 ผู้เชี่ยวชาญบางท่านตั้งข้อสังเกตว่า แม้มัทฉะอาจช่วยลดเอนไซม์ตับในผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับไม่ติดเชื้อ (NAFLD) แต่ในผู้ที่ไม่มีโรค NAFLD อาจจะกลับเพิ่มเอนไซม์ตับได้ จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อศึกษาผลกระทบของมัทฉะต่อประชากรทั่วไป เนื่องจากงานวิจัยส่วนใหญ่ยังจำกัดอยู่แค่การทดลองผลกระทบของสารสกัดชาเขียวในสัตว์

    3.เสริมสร้างสมอง

    สารประกอบหลายชนิดในมัทฉะอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง การศึกษาหนึ่งกับผู้เข้าร่วม 23 คน วัดผลการทำงานสมองผ่านชุดทักษะต่างๆ ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ทานมัทฉะมีสมาธิ เวลาตอบสนอง และความจำที่ดีกว่ากลุ่มควบคุม อีกการศึกษาขนาดเล็กชี้ว่า การทานผงชาเขียว 2 กรัมทุกวันเป็นเวลา 2 เดือน ส่งผลดีต่อการทำงานสมองของผู้สูงอายุ

    มัทฉะมีคาเฟอีนมากกว่าชาเขียว โดยทั่วไป ชาเขียวจะมีคาเฟอีนประมาณ 11–25 มิลลิกรัมต่อกรัม (mg/g) ขึ้นอยู่กับชนิด ยี่ห้อ และการผลิต ส่วนมัทฉะจะมี 19–44 mg/g นอกจากนี้ มัทฉะยังมีสารประกอบที่เรียกว่า L-theanine ซึ่งช่วยปรับเปลี่ยนผลกระทบของคาเฟอีน ทำให้รู้สึกตื่นตัว แต่ป้องกันอาการตื่นเต้นเกินไปและพลังงานตกเฉียบพลันหลังจากได้รับคาเฟอีน

    ตอบลบ
  2. ... ต่อ ...

    4.มัทฉะกับมะเร็ง อาจช่วยป้องกันได้

    แม้ยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติม แต่อาหารยอดนิยมอย่างมัทฉะก็อาจมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งได้ สรรพคุณนี้เกี่ยวข้องกับสารประกอบบางชนิดในมัทฉะ โดยเฉพาะ เอพิคาเทชิน-3-กัลเลท (EGCG) คาเทชินชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติต้านมะเร็งอย่างเห็นผล การดื่มมัทฉะก็ยังส่งผลดีต่อสุขภาพในด้านอื่นๆ มากมาย เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ การทำงานของสมอง และสุขภาพหัวใจ ดังนั้น จึงถือเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่น่าสนใจ และสามารถเพลิดเพลินได้อย่างปลอดภัย

    5.มัทฉะกับสุขภาพหัวใจ

    แม้ยังต้องมีการวิจัยต่อเนื่อง แต่ก็มีสัญญาณดีๆ เกี่ยวกับประโยชน์ของมัทฉะต่อสุขภาพหัวใจ งานวิจัยชี้ว่า การดื่มชาเขียว ซึ่งมีสารอาหารใกล้เคียงกับมัทฉะ อาจช่วยปกป้องโรคหัวใจได้ ประโยชน์ที่พบ ได้แก่ การดื่มชาเขียวอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ เมื่อเทียบกับการดื่มกาแฟ มีงานวิจัยบางชิ้นชี้ว่า ชาเขียวอาจช่วยลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง และลดอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ในผู้ป่วยโรคหัวใจ

    เนื่องจากมัทฉะมีสารประกอบคล้ายกับชาเขียว จึงมีผู้คาดการณ์ว่ามัทฉะอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม ยังมีงานวิจัยจากการศึกษาสัตว์ชิ้นหนึ่งที่ขัดแย้งกับข้อสรุปนี้ สรุปแล้ว แม้ข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่ามัทฉะอาจส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจ แต่ยังขาดหลักฐานยืนยันชัดเจนในมนุษย์ การดื่มมัทฉะในปริมาณพอเหมาะควบคู่กับการดูแลสุขภาพโดยรวมจึงเป็นแนวทางที่ดีที่สุด

    6.ชาเขียวมัทฉะกับเส้นทางสู่หุ่นสวย

    ถ้าพูดถึงเครื่องดื่มที่อยู่คู่สายเฮลตี้และมักโผล่มาในสูตรลดน้ำหนัก บอกเลยว่าชาเขียว ต้องติดอันดับต้นๆ แน่นอน! และด้วยความนิยมของมัทฉะ หลายคนอาจสงสัยว่าเจ้าชาเขียวเข้มข้นนี้มีดีต่อการลดน้ำหนักแค่ไหน งานวิจัยปี 2020 สรุปว่า การดื่มชาเขียวควบคู่กับการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย สามารถช่วยลดค่าดัชนีมวลกรัม (BMI) ภายใน 12 สัปดาห์ ได้จริง โดยปริมาณชาเขียวที่แนะนำคือไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่อวัน

    แม้ส่วนใหญ่จะเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับชาเขียวทั่วไป แต่ต้องไม่ลืมว่ามัทฉะมาจากต้นชาเดียวกันและมีสารประกอบใกล้เคียงกัน จึงทำให้เกิดข้อสันนิบฐานว่ามัทฉะน่าจะมีประโยชน์ด้านการลดน้ำหนักเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ยังขาดข้อมูลทดลองโดยตรงในมนุษย์เพื่อยืนยันประโยชน์ของมัทฉะต่อการลดน้ำหนัก ดังนั้น สรุปได้ว่า มัทฉะอาจมีศักยภาพในด้านนี้แต่ยังไม่ชัดเจน สรุปแล้ว หากกำลังมองหาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่เข้ามาเสริมแผนการลดน้ำหนัก มัทฉะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ไม่ใช่ยารักษาทางลัด การควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญสู่หุ่นสวยและสุขภาพดี



    ตอบลบ
  3. 7 ประโยชน์ของมัทฉะ ที่นักดื่มชาต้องรู้

    “มัทฉะ” เป็นชาเขียวชั้นยอดที่นิยมใช้ในพิธีชงชาในญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นชาที่มีคุณภาพสูง จากกรรมวิธีการผลิตที่ซับซ้อนและพิถีพิถัน และมีราคาที่สูง ทั้งยังมีรสชาติที่ดี สดชื่น ดื่มง่าย ปัจจุบันจึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก







    นอกจากนี้มัทฉะยังมีคุณสมบัติและประโยชน์อีกหลายด้าน ซึ่งวันนี้ Bluekoff ได้สรุปมาเป็น “7 ประโยชน์ของมัทฉะ ที่นักดื่มชาต้องรู้” ดังนี้



    1) ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

    มัทฉะมีสารโพลีฟีนอล แอล-ธีอะนีน และคาเทชิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ลดริ้วรอย ป้องกันผมร่วง และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย

    2) ช่วยบำรุงร่างกาย ปรับสมดุลการทำงานของระบบต่าง ๆ

    มัทฉะอุดมไปด้วยวิตามินบี ซี และอี ซึ่งมีส่วนช่วยในการปรับสมดุลการทำงานของร่างกาย บำรุงสายตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดอาการภูมิแพ้ทางเดินหายใจ เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง มีส่วนช่วยในการขยายหลอดลม เป็นต้น

    3) ช่วยให้ร่างกายตื่นตัว

    มัทฉะมีคาเฟอีนซึ่งจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว ช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการปวดภายในร่างกาย ในขณะเดียวกันก็มีแอล-ธีอะนีน ซึ่งช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย ควบคุมความเครียด บรรเทาอาการอ่อนเพลียที่อาจเกิดจากคาเฟอีนได้อีกด้วย

    4) ช่วยให้ผ่อนคลาย บำรุงหัวใจและหลอดเลือด

    มัทฉะจะมีสารธีโอฟิลลีน และธีโอโบรมีน ซึ่งมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ ช่วยในการขยายหลอดลม เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ลดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งและอาการปวดเค้นหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยให้ตื่นตัว ลดความตึงเครียด และรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย

    5) ช่วยในการลดน้ำหนัก

    มัทฉะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระโดยเฉพาะสารกลุ่มคาเทชิน ซึ่งมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานและไขมัน ช่วยลดการดูดซึมไขมันและน้ำตาล ลดคอเรสเตอรอล และช่วยลดความอยากอาหารได้

    6) ช่วยบำรุงผิวให้สุขภาพดี ดูอ่อนกว่าวัย

    มัทฉะมีคลอโรฟิลล์ และสารต้านอนุมูลอิสระอีกหลายชนิดที่มีส่วนช่วยในให้ผิวมีสุขภาพดี ขับสารพิษ ทำให้รูขุมขนดูเล็กลง ลดเลือนริ้วรอย และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นแก่ผิว

    7) ช่วยลดกลิ่นปาก

    มัทฉะมีฟลูออไรด์ซึ่งจะช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และกำจัดจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ ภายในช่องปากได้ เช่น การป้องกันฟันผุ รวมทั้งช่วยบำรุงสุขภาพเหงือกและฟัน และป้องกันการเกิดคราบจุลินทรีย์ (คราบพลัค) ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปากได้อีกด้วย

    ตอบลบ
  4. ประโยชน์ของมัทฉะ
    โดยปกติแล้วผงมัทฉะธรรมดามีแคลอรีที่ต่ำมากและสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการไดเอทและสุขภาพที่ดีได้ การดื่มมัทฉะทุกวันนั้นมีประโยชน์มากมาย ทั้งในด้านของสุขภาพกาย และสุขภาพจิต


    อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants)
    มัทฉะเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะ "คาเทชิน (catechins)" ซึ่งเป็นสารประกอบตามธรรมชาติที่ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์และให้ประโยชน์ต่อสุขภาพอื่นๆ สารต้านอนุมูลอิสระที่มีความเข้มข้นสูงในมัทฉะช่วยให้ร่างกายป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย ลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและมะเร็งได้

    ช่วยให้จิตใจความสงบ ผ่อนคลาย
    มัทฉะมีกรดอะมิโนแอล-ธีอะนีน (amino acid L-Theanine) ซึ่งจะช่วยเพิ่มคลื่นอัลฟ่าในสมอง ทำให้รู้สึกผ่อนคลายโดยไม่รู้สึกง่วงนอน สิ่งนี้สามารถช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ แอล-ธีอะนีนยังช่วยเพิ่มสมาธิและความจำ ทำให้มัทฉะเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ในการเริ่มต้นวันใหม่ที่สดใส

    บำรุงหัวใจ
    การบริโภคมัทฉะเป็นประจำสามารถช่วยบำรุงหัวใจได้เนื่องจากมีผลในการลดคอเลสเตอรอล สารต้านอนุมูลอิสระในมัทฉะสามารถช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชันของคอเลสเตอรอล LDL (คอเลสเตอรอลที่ "ไม่ดี") ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจได้

    ให้พลังงานที่เสถียร
    มัทฉะให้พลังงานที่เสถียรอ่อนโยน เนื่องจากการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของคาเฟอีนจากธรรมชาติและแอล-ธีอะนีน ทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉงแบบอ่อนโยน ซึ่งแตกต่างจากกาแฟซึ่งสามารถทำให้หัวใจเต้นเร็วเกินได้ คาเฟอีนในมัทฉะจะถูกปล่อยออกมาอย่างช้าๆ ทำให้ระดับพลังงานคงที่

    ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
    การศึกษาชี้ให้เห็นว่าคาเทชินในมัทฉะสามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันได้ ซึ่งสามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักได้ง่ายและเร็วขึ้น มัทฉะสามารถเป็นตัวช่วยเสริมที่ดีสำหรับการไดเอทและการใช้ชีวิตในประจำวัน

    ล้างพิษในร่างกาย
    คลอโรฟิลล์ที่มีอยู่ในมัทฉะ (ซึ่งทำให้มีสีเขียวสดใส) การดื่มชานี้เป็นประจำสามารถช่วยล้างพิษในร่างกายตามธรรมชาติ ขจัดสารพิษที่เป็นอันตรายออกจากระบบร่างกาย และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตับอีกด้วย

    ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน
    การรวมกันของสารต้านอนุมูลอิสระ, แอล-ธีอะนีน, EGCG (Epigallocatechin Gallate) และวิตามินต่างๆ ที่มีอยู่ในมัทฉะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

    ตอบลบ