Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2563

ตรุษจีน 2563 ประวัติวันตรุษจีน ของไหว้ตรุษจีนมีอะไรบ้าง

ตรุษจีน 2563 ประวัติวันตรุษจีน ของไหว้ตรุษจีนมีอะไรบ้าง


          วันตรุษจีน 2563 หรือ ตรุษจีน 2020 ตรงกับวันเสาร์ที่ 25 มกราคม และวันนี้เรามีบทความวันตรุษจีน 2563 มาฝาก ทั้ง ประวัติวันตรุษจีน วันไหว้ตรุษจีน 2563 วันเที่ยวตรุษจีน และวันจ่าย 2563 ตรงกับวันที่เท่าไร

วันตรุษจีน
                ตรุษจีน เป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของจีน เพราะชาวจีนถือว่า วันตรุษจีน คือวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินจีน เช่นเดียวกับสงกรานต์ วันปีใหม่ไทย ดังนั้นชาวจีนจึงให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้เป็นอย่างยิ่ง และมีการเฉลิมฉลองทั่วโลกโดยเฉพาะชุมชนขนาดใหญ่ของคนเชื้อสายจีน ซึ่งในแต่ละพื้นที่ก็จะมีพิธีเฉลิมฉลองแตกต่างกันไป สำหรับ วันตรุษจีน 2563 ตรงกับวันเสาร์ที่ 25 มกราคม



ประวัติวันตรุษจีน

          สำหรับที่มาของวันตรุษจีนนั้น เชื่อกันว่าประเพณีนี้มีมานานกว่าสี่พันปีแล้ว จัดขึ้นเพื่อฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ เดิมทีไม่ได้เรียกว่าเทศกาลตรุษจีน แต่มีชื่อเรียกต่างกันตามยุคสมัย นั่นคือเมื่อ 2,100 ปีก่อนคริสต์ศักราชจะเรียกว่า "ซุ่ย" ซึ่งมีความหมายถึงการโคจรครบหนึ่งรอบของดาวจูปิเตอร์ จนกระทั่งต่อมาในยุค 1,000 กว่าปีก่อนคริสต์ศักราช เทศกาลตรุษจีนจะถูกเรียกว่า "เหนียน" หมายถึงการเก็บเกี่ยวได้ผลอุดมสมบูรณ์นั่นเอง

          นอกจากนี้ วันตรุษจีน ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันชุงเจ๋" ซึ่งหมายถึงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ หรือขึ้นปีเพาะปลูกใหม่ เพราะช่วงก่อนตรุษจีนนั้นตรงกับฤดูหนาว ไม่สามารถทำการเกษตรได้ ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่มีอากาศเหมาะสมแก่การเพาะปลูก ชาวจีนจึงสามารถทำนา ทำสวน ได้อีกครั้งหลังจากผ่านพ้นฤดูหนาวมานั่นเอง

          ส่วนการกำหนดวันตรุษจีนนั้น ตามประเพณีเทศกาลตรุษจีนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนอ้าย ตามปฏิทินจันทรคติของจีน และถือว่าคืนวันที่ 30 เดือน 12 เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ส่วนวันที่ 1 เดือน 1 คือวันชิวอิก หมายถึงวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ
          การเตรียมงานเพื่อการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนนั้น จะเริ่มขึ้นตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน (คล้ายกับวันคริสต์มาสของประเทศตะวันตก) โดยผู้คนจะเริ่มซื้อข้าวของต่าง ๆ เพื่อประดับตกแต่งบ้านเรือน และเตรียมทำความสะอาดครั้งใหญ่ ตั้งแต่ชั้นบนลงชั้นล่าง เนื่องจากมีความเชื่อว่าจะเป็นการปัดกวาดสิ่งที่ไม่ดีออกไป ภายในบ้าน ทั้งประตู หน้าต่าง จะประดับประดาไปด้วยสีแดง และกระดาษสีแดงที่มีคำอวยพรให้อายุยืน ร่ำรวย อยู่ดีมีสุข ฯลฯ

          จากนั้นครอบครัวจะร่วมรับประทานอาหารที่ล้วนแต่มีความหมายมงคลทั้งสิ้น เช่น กุ้งจะหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรืองและความสุข เป๋าฮื้อแห้งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำมาซึ่งความโชคดี จีฉ่าย (ผมเทวดา) สาหร่าย จะนำความร่ำรวยมาให้ และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงบรรพชนอวยพร หลังจากรับประทานอาหารค่ำแล้ว ทุกคนในครอบครัวจะนั่งกันจนเช้าเพื่อรอวันใหม่โดยการเล่นเกม เล่นไพ่ หรือดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับวันตรุษจีน และในวันนี้จะต้องไม่โกรธ ริษยา หรือไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดีสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง
ตรุษจีน

สัญลักษณ์ของวันตรุษจีน

          นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของ วันตรุษจีน คือ "อั่งเปา" ซึ่งมีความหมายว่า "กระเป๋าแดง" หรือจะใช้คำว่า "แต๊ะเอีย" ซึ่งมีความหมายว่า "ผูกเอว" จากที่คนสมัยก่อนชอบร้อยเงินเป็นพวงผูกไว้ที่เอว โดยการให้อั่งเปานี้ คู่แต่งงานจะให้เงินเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานในซองสีแดง หลังจากนั้นทุกคนในครอบครัว จะออกมาจากบ้านเพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่ในหมู่ญาติ และเพื่อนบ้าน ซึ่งคงคล้ายกับการที่ชาวตะวันตกพูดว่า "Let bygones be bygones" (อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป)  

วันตรุษจีน 2563
          สำหรับวันตรุษจีน 2563 ตรงกับวันเสาร์ที่ 25 มกราคม ซึ่งวันตรุษจีนไม่ถือเป็นวันหยุดราชการนะ แต่ตามบริษัทห้างร้านของคนจีนอาจจะอนุญาตให้ลูกจ้างได้หยุดพักผ่อนอยู่กับบ้าน ถือเป็นวันหยุดพักผ่อนพิเศษสำหรับคนจีน ซึ่งก็แล้วแต่ว่าบริษัทไหน หรือร้านไหนจะกำหนดให้หยุดได้กี่วัน

วันจ่ายตรุษจีน 2563

          ตามธรรมเนียมของคนจีนแล้ว วันจ่าย หรือ ตื่อเส็ก จะเป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องไปหาซื้ออาหาร ผลไม้ เครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ มาเตรียมพร้อมไว้ ก่อนที่ร้านค้าต่าง ๆ จะหยุดยาวในช่วงวันตรุษจีน ซึ่งจะตรงกับวันก่อนวันสิ้นปี โดยในปี 2563 วันจ่ายตรุษจีนคือ วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม

วันไหว้ตรุษจีน 2563

          วันไหว้ของเทศกาลตรุษจีนก็คือ "วันสิ้นปี" ซึ่งจะเป็นวันที่มีการไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ ด้วยอาหาร ผลไม้ เครื่องเซ่นไหว้ ฯลฯ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ โดยในปี 2563 วันไหว้ตรุษจีนคือ วันศุกร์ที่ 24 มกราคม

วันเที่ยวตรุษจีน 2563

          วันเที่ยวสำหรับชาวจีนก็คือ "วันปีใหม่" หรือ "วันตรุษจีน" ซึ่งวันเที่ยวตรุษจีน 2563 คือ วันเสาร์ที่ 25 มกราคม นั่นเอง และเป็น "วันถือ" ด้วย โดยในวันนี้ชาวจีนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม พากันออกไปท่องเที่ยว และไปไหว้ขอพรญาติผู้ใหญ่ หรือผู้ที่เคารพรัก ชาวจีนจะถือว่าวันนี้เป็นวันแห่งสิริมงคล และงดทำบาปทั้งปวง


ข้อห้ามวันตรุษจีน 
          วันตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน ทั้งที หลาย ๆ บ้านก็คงจะมีธรรมเนียมปฏิบัติและข้อห้ามที่สืบทอดต่อกันมา ซึ่งในวันนี้จะพาไปดูกันว่ามีข้อห้ามอะไรบ้างที่ไม่ควรทำในช่วงตรุษจีน มาดูกันเลย

 มาดูกันว่า วันตรุษจีน 2563 ห้ามทำอะไรบ้าง 

ตรุษจีน



          ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ 25 มกราคม วันตรุษจีน 2563 หรือวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน คงจะตื่นเต้นกันไม่น้อย เพราะช่วงเวลานี้ เป็นช่วงที่จะได้พบกับญาติมิตรที่ไม่เจอหน้ากันมานาน และบางคนก็อาจได้รับอั่งเปาของขวัญจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือด้วย แต่ในเมื่อนี่คือวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนทั้งที หลาย ๆ บ้านก็คงจะมีธรรมเนียมปฏิบัติและข้อห้ามที่สืบทอดต่อกันมา ซึ่งในวันนี้จะพาไปดูกันว่ามีข้อห้ามอะไรบ้างที่ไม่ควรทำในช่วงตรุษจีน



ข้อห้ามตรุษจีน
          1. ห้ามทำความสะอาดบ้านในวันตรุษจีน

          ชาวจีนมีความเชื่อว่า การทำความสะอาดบ้าน และทิ้งขยะ ในวันตรุษจีนนั้น จะเป็นการกวาดเอาโชคลาภ เงินทอง ออกไปจากบ้าน แม้ว่าบ้านในช่วงวันตรุษจีนจะสกปรกก็ตาม บางคนที่จำเป็นจะต้องทำความสะอาดบ้าน ก็จะเพียงกวาดเศษฝุ่นไปไว้ที่มุมบ้าน แล้วค่อยเอาเศษฝุ่นนั้นไปทิ้งในวันต่อไป ดังนั้น วันตรุษจีน จึงไม่ค่อยมีคนทำความสะอาดบ้าน แต่จะไปทำความสะอาดกันหนึ่งวันก่อนวันตรุษจีน เพื่อที่จะให้บ้านสะอาดรับปีใหม่ และใช้บ้านในการต้อนรับแขกที่จะมาเยี่ยมเยียนอีกทางหนึ่ง

          2. ห้ามสระผมหรือตัดผม

          ชาวจีนจะไม่นิยมสระผมหรือตัดผมกันในวันตรุษจีน หรือบางคนก็จะไม่สระผม 3 วันหลังจากวันตรุษจีน เนื่องจากคำว่า ผม เป็นคำพ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า มั่งคั่ง ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน จึงเหมือนกับการนำความมั่งคั่งออกไป

            3. ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะเบาะแว้ง

          ในวันตรุษจีน คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมไปถึงการพูดถึงความตายหรือผี เนื่องจากเชื่อว่า การพูดสิ่งที่ไม่ดีในวันนี้ จะนำความโชคร้ายมาให้ตลอดทั้งปี รวมไปถึงการที่ไม่พูดถึงเลข 4 เนื่องจากเลข 4 ในภาษาจีน ออกเสียงคล้ายกับคำว่า ตาย ดังนั้น หลาย ๆ คนจึงพยายามไม่ใช้หรือไม่พูดอะไรที่เกี่ยวข้องกับเลข 4

           4. ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์

          คนจีนมักจะไม่กินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เนื่องจากเชื่อว่า คนจนคือคนที่มักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีนจึงเหมือนกับการขัดขวางไม่ให้ตัวเองร่ำรวย และทำตัวเหมือนคนจน ทั้งนี้ ยังรวมไปถึงการไม่กินเนื้อสัตว์ด้วย เนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นเป็นมังสวิรัติ


ข้อห้ามตรุษจีน

             
         5. ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน

 
          คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำเกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนจึงเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน

          6. ห้ามใส่ชุดขาว-ดำ

          เสื้อผ้าที่เป็นสีขาว-ดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้น การสวมเสื้อผ้าสีขาว-ดำในวันนี้จึงหมายถึงลางร้าย คนจีนจึงมักสวมเสื้อผ้าสีแดงกันเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเชื่อว่า สีแดงคือสีที่จะนำความโชคดีมาให้

          7. ห้ามให้ยืมเงิน

          คนจีนบางคนอาจจะหมายรวมการที่ไม่ให้ยืมสิ่งของต่าง ๆ นอกเหนือไปจากเงินแล้ว ซึ่งมีความเชื่อที่ว่า การให้ยืมเงินในวันนี้จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด รวมไปถึง หากใครที่ติดเงินใครไว้ ก็ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อกันว่า หากติดเงินใครในวันตรุษจีนแล้ว คนคนนั้นก็จะมีหนี้สินตลอดปีไม่จบไม่สิ้น

          8. ห้ามทำของแตก

          คนจีนเชื่อกันว่า การทำสิ่งของแตก เช่น ทำแก้วแตก ทำจานแตก หรือทำกระจกแตก ในวันตรุษจีนนั้น จะหมายถึงลางร้ายที่บอกว่าครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว ดังนั้นในวันนี้ จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษไม่ให้สิ่งของในบ้านแตกหรือชำรุดเสียหาย แต่หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di kai hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น


ข้อห้ามตรุษจีน
          9. ห้ามซื้อรองเท้าใหม่

          คนจีนจะถือคติที่ว่า จะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เนื่องจากคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai ซึ่งคำว่า Hai นี้ มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ ซึ่งชาวจีนเชื่อว่า นั่นเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี

           10. ห้ามร้องไห้

          คนจีนเชื่อกันว่า หากร้องไห้ในวันขึ้นปีใหม่ จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจไปตลอดทั้งปี ดังนั้น แม้ในวันนี้เด็กเล็กจะดื้อขนาดไหน อากง อาม่า ก็อาจจะปล่อยให้วันหนึ่ง เพราะไม่อยากตีให้เด็กต้องร้องไห้ในวันนี้


ข้อห้ามตรุษจีน
          11. ห้ามใช้ของมีคม

          ของมีคมก็เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับวันนี้ ทั้งมีด กรรไกร และอย่างอื่นที่สามารถตัดสิ่งอื่นได้ นั่นเพราะชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ จะเป็นการตัดโชคดีไปด้วย

          12. ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น
          รู้ไหม คนจีนหลายบ้านมีความเชื่อที่ว่า ในวันตรุษจีนนี้ ห้ามเข้าไปหาใครในห้องนอนด้วย ดังนั้น แม้เจ้าของบ้านป่วย นอนอยู่ในห้องนอน แต่เมื่อมีแขกมาเยี่ยมก็ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก อย่าให้แขกเข้ามาเยี่ยมในห้องนอนเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นโชคร้าย 





ของไหว้วันตรุษจีน มีอะไรบ้าง 
          ก่อนวันตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่ 1 วัน จะมีพิธีกรรมเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ด้วยอาหารคาวหวานนานับชนิด และในวันที่ 23 มกราคม คือวันจับจ่ายซื้อของ ว่าแต่ของไหว้ตรุษจีนมีอะไรบ้าง 


      ของไหว้ตรุษจีน 2563 ไหว้วันตรุษจีน ไหว้เจ้าที่ เนื่องในวันตรุษจีน 2563 มีอะไรบ้าง เรามีคำตอบมาฝาก




ของไหว้ตรุษจีน

          "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้" ประโยคคุ้นหูที่เรามักได้ยินในช่วง "เทศกาลตรุษจีน" วันสำคัญของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน ที่เป็นเสมือนวันขึ้นปีใหม่ของจีนนั่นเอง โดย ตรุษจีน 2563 ตรงกับวันเสาร์ที่ 25 มกราคม ซึ่งในวันที่ 24 มกราคม ก่อนวันตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่ 1 วัน จะมีพิธีกรรมเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ด้วยอาหารคาวหวานนานับชนิด และในวันที่ 23 มกราคม คือวันจับจ่ายซื้อของ           ว่าแต่ของไหว้ตรุษจีนมีอะไรบ้างล่ะ ใครกำลังอยากรู้ว่า จัดของไหว้ตรุษจีน ต้องใช้อะไรบ้าง กระปุกดอทคอม มีคำตอบมาบอกค่ะ

ของไหว้ตรุษจีน ของใช้ในวันตรุษจีน มีอะไรบ้าง

          สำหรับในวันตรุษจีนนั้น จะมีการเตรียมของไหว้อย่างพิถีพิถัน แบ่งเป็นเนื้อสัตว์ ผลไม้ ขนมหวาน กับข้าวคาว กับข้าวเจ อย่างละ 3 หรือ 5 ชนิด พร้อมสุรา น้ำชา ข้าวสวย และกระดาษเงิน-กระดาษทองประเภทต่าง ๆ โดยจะจัดเรียงตามลำดับความสำคัญตามชนิดของอาหาร ซึ่งจะมีเสียงเรียกพ้องกับเสียงของคำมงคล และผลไม้ที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะไหว้ก็คือ ส้มมหามงคลสีทอง ที่ชาวจีนเรียกว่าส้มไต่กิก เพราะมีความหมายหมายถึงความสวัสดีมงคลอย่างยิ่ง

ของไหว้ตรุษจีน 2557 ไหว้วันตรุษจีน

          ทั้งนี้ "วันไหว้" จะทำกันในวันสิ้นปี ซึ่งปกติมีการไหว้ 3-4 ชุด เริ่มจาก "ไหว้เจ้าที่" ในช่วงเช้าด้วยชุดซาแซ คือ หมู เป็ด ไก่ ที่อาจเปลี่ยนเป็นไข่ย้อมสีแดงได้ ขนมเทียน และขนมถ้วยฟู หรือขนมอื่น ๆ ผลไม้ไหว้มีส้มสีทอง องุ่น แอปเปิล พร้อมกับกระดาษเงิน กระดาษทอง

          ต่อด้วยช่วงสาย ๆ ไม่เกินเที่ยง "ไหว้บรรพบุรุษ" เครื่องไหว้จะประกอบด้วยชุดซาแซ อาหารคาวหวาน ส่วนมากก็ทำตามที่ผู้ล่วงลับไปแล้วชอบ เต็มที่จะมี 10 อย่าง นิยมว่าต้องมีน้ำแกง เพื่ออวยพรให้ชีวิตราบรื่น และกับข้าวเลือกที่มีความหมายมงคล ส่วนขนมไหว้บรรพบุรษต่าง ๆ ก็มีความหมายมงคลเช่นกัน

          อย่างไรก็ตาม หลังจากไหว้บรรพบุรุษแล้ว ช่วงเที่ยงหรือบ่ายก็จะไหว้ผีไม่มีญาติ จากนั้นก็เป็นช่วงกลางดึกของคืนวันสิ้นปีย่างเข้าตรุษจีนที่จะมีการไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ โดยให้หันโต๊ะไหว้ไปทางทิศตะวันตก ทั้งนี้ ชาวจีนจะเตรียมจัดของไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภอย่างพิถีพิถัน เพราะในช่วงเวลาที่กำลังจะเข้าวันตรุษจีน โลกกำลังหมุนไปทางทิศนี้ แล้วเมื่อย่างเข้าวันปีใหม่จีนหรือวันตรุษจีน ก็ยังนิยมไปไหว้ขอพรและอวยพรจากญาติผู้ใหญ่ โดยจะนำส้มสีทองจำนวน 4 ใบ ไปมอบให้ด้วยเสมือนนำโชคดีไปให้ เพราะเสียงไปพ้องกับคำว่าทอง ในภาษาจีนแต้จิ๋ว

ของไหว้ตรุษจีน


          ทั้งนี้ สำหรับความหมายของ "ของไหว้วันตรุษจีน" ได้แก่... 
 
ความหมายของผลไม้ที่ใช้ในวันตรุษจีน

          - กล้วย หมายถึง กวักโชคลาภเข้ามา และขอให้มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง
          - แอปเปิล หมายถึง ความสันติสุข สันติภาพ
          - สาลี่ หมายถึง โชคลาภมาถึง (ควรระวังไม่นิยมไหว้บรรพบุรุษและวิญญาณไร้ญาติ)
          - ส้มสีทอง หมายถึง ความสวัสดีมหามงคล
          - องุ่น หมายถึง ความเพิ่มพูน

          - สับปะรด คำจีนเรียกว่า "อั่งไล้" แปลว่า มีโชคมาหา


ของไหว้ตรุษจีน

ความหมายของอาหารไหว้วันตรุษจีน

          - ไก่ หมายถึง ความสง่างาม ยศ และความขยันขันแข็ง ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ต้องเป็นไก่เต็มตัว หมายถึง มีหัว ตัว ขา ปีก มีความหมายถึง ความสมบูรณ์

          - เป็ด หมายถึง สิ่งบริสุทธิ์ ความสะอาด ความสามารถอันหลากหลาย
          - ปลา หมายถึง เหลือกินเหลือใช้ อุดมสมบูรณ์

          - หมู หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้

          - ปลาหมึก หมายถึง เหลือกินเหลือใช้ (เหมือนปลา)

          - บะหมี่ยาวหรือหมี่ซั่ว หรือฉางโซ่วเมี่ยน ตามชื่อหมายถึง อายุยืนยาว

          - เม็ดบัว หมายถึง การมีบุตรชายจำนวนมาก

          - ถั่วตัด หมายถึง แท่งเงิน

          - สาหร่ายทะเลสีดำ หมายถึง ความมั่งคั่งร่ำรวย

          - หน่อไม้ หมายถึง การอวยพรให้ร่ำรวยผาสุก

          สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง คือ เต้าหู้ขาว เนื่องจากสีขาว คือ สีสำหรับงานโศกเศร้า 

อาหารไหว้ตรุษจีน กินอย่างไร ไม่ทำให้ป่วยเพิ่ม

ความหมายของขนมไหว้วันตรุษจีน

          - ขนมเข่ง คือ ความหวานชื่น ราบรื่นในชีวิต ขนมเข่งที่ใส่ในชะลอม หมายถึง ความหวานชื่นอันสมบูรณ์
          - ขนมเทียน คือ ขนมที่ปรับปรุงขึ้นจากชาวจีนโพ้นแผ่นดินดัดแปลงมาจากขนมท้องถิ่นของไทย จากขนมใส่ไส้เปลี่ยนจากแป้งข้าวเจ้าผสมกะทิมาเป็นแป้งข้าวเหนียวแทน มีความหมายว่า หวานชื่น ราบรื่น รูปลักษณ์เป็นกรวยแหลมมีลักษณะเป็นมงคลเหมือนเจดีย์
          - ขนมไข่ คือ ความเจริญเติบโต
          - ขนมถ้วยฟู คือ ความเพิ่มพูนรุ่งเรือง เฟื่องฟู
          - ขนมสาลี่ คือ รุ่งเรือง เฟื่องฟู
          - ซาลาเปา หรือ หมั่นโถว คือ ไหว้เพื่อให้เปาไช้ แปลว่า ห่อโชค โดย หมั่นโถว มีแบบที่ทำจากหัวมัน เนื้อออกสีเหลือง และแบบไม่ผสมมัน เนื้อออกสีขาว นิยมทำให้แตกเหมือนดอกไม้บาน ถ้าลูกเล็กจะแต้มจุดแดง ลูกใหญ่จะปั๊มตัวหนังสือสีแดง เขียนว่า ฮก แปลว่า โชคดี ส่วนถ้ามีไส้ เรียก "ซาลาเปา" นิยมไส้เต้าซา แป้งไม่ผสมมัน หน้าไม่แตก มีตัวหนังสือปั๊มว่า เฮง แปลว่า โชคดี

           นอกจากนี้ยังมี ซิ่วท้อ เป็นซาลาเปาพิเศษ ทำเป็นรูปลูกท้อ ไส้เต้าซา เพราะถือว่าเป็นผลไม้สวรรค์ ใช้ในงานวันเกิด ใครได้กินอายุจะยืนยาว
          - จันอับ (จั๋งอั๊บ) หมายถึง ปิ่นโต หมายถึงความหวานที่เพิ่มพูน มีความสุขตลอดไป ใช้ไหว้เจ้าได้ทุกประเภท ประกอบด้วยขนม 5 อย่าง คือ เต้ายิ้งปัง คือ ขนมถั่วตัด, มั่วปัง คือ ขนมงาตัด, ซกซา คือ ถั่วเคลือบน้ำตาล, กวยแฉะ คือ ฟักเชื่อม และโหงวจ๊งปัง คือ ขนมข้าวพอง

ไหว้เจ้าตรุษจีน

กระดาษเงิน กระดาษทอง  

          นอกจากอาหารคาวหวานแล้ว ในการไหว้ตรุษจีนนั้น จะต้องมีการเตรียมกระดาษเงิน กระดาษทอง สำหรับใช้ไหว้ด้วย เพราะคนจีนเชื่อกันว่า เมื่อตายไปแล้วจะไปยังอีกภพโลกหนึ่ง เรียกว่า "อิมกัง" ลูกหลานจึงต้องส่งเงินทองด้วยการเผากระดาษเงิน-กระดาษทองไปให้บรรพบุรุษได้ใช้ เพื่อแสดงความกตัญญู ซึ่งกระดาษเงิน-กระดาษทองมีทั้งแบบที่ใช้ไหว้เจ้า และแบบที่ใช้ไหว้บรรพบุรุษ คือ

          - กอจี๊ หรือ จี๊จุ้ย เป็นกระดาษเงิน-กระดาษทองชิ้นใหญ่ มีกระดาษแดงตัดเป็นลายตัวหนังสือว่า "เผ่งอัน" เป็นคำอวยพร แปลว่า โชคดี ใช้สำหรับไหว้เจ้าที่ ไหว้เทพยดาฟ้าดิน

          - กิมจั้ว หรือ งึ้งจั๊ว หมายถึงกระดาษเงินกระดาษทอง เวลาจะไหว้จะทำเป็นชุด ก่อนไหว้ลูกหลานต้องนำมาพับเป็นรูปดอกไม้ ใช้ไหว้ได้ทุกอย่าง

          - กิมเต้า หรือ งึ้งเต้า หรือถังเงินถังทอง ใช้ไหว้เจ้าที่ ไหว้เทพยดาฟ้าดิน

          - กิมเตี๊ยว คือ แท่งทอง ใช้ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้คนตาย

          -  ค้อซี คือ กระดาษทอง ก่อนใช้ให้พับเป็นรูปร่างก่อน เช่น พับเป็นเรือ เรียกว่า "เคี้ยวเท่าซี" เชื่อกันว่าการพับเรือ จะได้มูลค่าสูงกว่าการพับอย่างอื่น ใช้ไหว้ได้ทุกอย่าง รวมทั้งไหว้คนตาย โดยเฉพาะพิธีทำกงเต๊ก ลูกหลานต้องพับค้อซี ให้มากที่สุด

          - อิมกังจัวยี่ คือ แบงก์กงเต๊ก

          - อ่วงแซจิ่ว ใช้เผาเป็นใบเบิกทางไปสวรรค์สำหรับผู้ตาย

          -  เพ้า คือ ชุดของเทพเจ้า คล้ายกับที่คนไทยถวายผ้าห่มพระพุทธรูป มีการทำของเจ้าหลายองค์ เช่น ชุดของเจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่ทับทิม พระพุทธ

          - ตั้วกิม เป็นกระดาษเงิน-กระดาษทองที่ญาติสนิทนำไปไหว้ผู้ตาย การเผากระดาษเงิน-กระดาษทองจะต้องทิ้งไว้สักพัก เพื่อให้ทุกคนได้เซ่นไหว้เสร็จ ก็จะทำการ "เหี่ยม" หรือจบเหนือศีรษะ ระหว่างนี้ให้ทำการอธิษฐานขอพรไปด้วย แล้วจึงนำไปเผา เมื่อไฟมอดแล้วจึงไหว้ลา เป็นการเสร็จพิธี


ปักธูปบนอาหารไหว้ตรุษจีน อันตรายกว่าที่คิด รู้แล้วระวัง
          รู้แล้วว่า "ของไหว้ตรุษจีน" มีอะไรบ้าง ทีนี้เราก็ควรจะมารู้จักวิธีการคัดเลือกอาหารเหล่านี้กันด้วย เพราะหลังจากไหว้ตรุษจีนเสร็จสิ้น ของไหว้เหล่านี้ก็จะถูกนำมาปรุงเป็นอาหารให้คนในครอบครัวรับประทานกัน

          โดยนายสง่า ดามาพงษ์ ผู้จัดการโภชนาการสมวัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ให้ข้อมูลว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีน หลายบ้านจะมีการไหว้บรรพบุรุษ ด้วยอาหารคาวหวาน ผัก-ผลไม้มากมาย แต่พึงระวังไว้สักนิดว่าอาหารที่นำมาปรุงนั้น ถูกหลักโภชนาการและปลอดภัยหรือไม่ เพราะอาหารเหล่านั้นอาจมีทั้งยาฆ่าแมลงและสารเคมีอื่น ๆ ที่ปนเปื้อน ถ้าเข้าสู่ร่างกายเราคงเป็นเรื่องที่ไม่ดีเป็นแน่ ดังนั้นจึงได้แนะนำวิธีเลือกซื้อของไหว้ตรุษจีนที่ปลอดภัย คือ

          วิธีเลือกซื้อผัก-ผลไม้ 

          - ใบผักต้องไม่มีคราบดินหรือคราบขาวของสารพิษกำจัดศัตรูพืชหรือเชื้อรา
          - ควรมีรูพรุนเป็นรอยกัดแทะของหนอนแมลงอยู่บ้างเล็กน้อย
          - ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกซื้อผักที่ปลอดสารพิษ หรือพวกผักเกษตรอินทรีย์
          - เลือกผลไม้ที่สด ไม่ช้ำ

          วิธีล้างทำความสะอาดผัก-ผลไม้

          ควรล้างด้วยน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง และควรแยกผักใบและผักหัวออกจากกันเวลาล้าง โดยผักหัวควรล้างด้วยน้ำเกลือประมาณ 5-7 นาที เอาเปลือกข้างนอกออก และพยายามล้างให้ถึงแกนด้านใน เพราะยาฆ่าแมลงจะตกค้างอยู่ภายใน แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง เพราะความร้อนไม่สามารถล้างยาฆ่าแมลงออกได้ เมื่อเรารับประทานเข้าไป จะเกิดการสะสมและอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง และอาหารเป็นพิษตามมาได้ ส่วนผักประเภทอื่น ๆ เช่น แตงกวา ถั่ว ก็ควรแช่น้ำเกลือ หรือไม่ก็ใช้ด่างทับทิมล้างก่อน แล้วจึงล้างด้วยน้ำสะอาดอีกรอบ ทั้งนี้ควรล้างผักก่อนที่จะนำมาหั่น เพื่อไม่ให้น้ำชะล้างคุณค่าทางโภชนาการออกหมด

          วิธีเลือกซื้อเนื้อสัตว์

          - เนื้อไก่ ควรเลือกที่เนื้อไม่ซีด ไม่เหี่ยว เปลือกตาสด เนื้อต้องไม่มีรอยเลือดที่แห้งกรัง กลิ่นต้องไม่เหม็นเน่า           - เนื้อหมู ก็ต้องสีแดงสด แต่ต้องระวัง เพราะอาจมีพ่อค้า-แม่ค้าใช้ไฟสีแดงหลอกผู้บริโภคว่า หมูนั้นเนื้อแดง ดังนั้นควรเลือกร้านที่เราไว้ใจได้และซื้อประจำ นอกจากนี้ ให้ลองใช้นิ้วกดเนื้อหมูลงไป ถ้าเนื้อหมูบุ๋มลงไปโดยไม่กลับคืนมา แสดงว่าเนื้อหมูนั้นเก่าไม่ควรซื้อ ที่สำคัญอย่าเลือกหมูที่ติดมันมากนัก เพราะการบริโภคมันหมูมาก ๆ ไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน

          ทั้งนี้ ในการปรุงเนื้อสัตว์ทุกชนิดให้เน้นที่ปรุงให้สุกไว้ก่อน ถ้าจำเป็นต้องมีหมู 3 ชั้นในการประกอบอาหารก็ควรเจียวมันให้ออกไปบ้าง เพราะหากบริโภคมาก ๆ จะส่งผลให้แคลอรีในร่างกายเพิ่ม ก่อให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้

          นอกจากนี้ อ.สง่า ยังแนะนำให้อุ่นอาหารไหว้เจ้าก่อนรับประทาน เพราะในระหว่างที่ประกอบพิธีไหว้บรรพบุรุษ บางบ้านอาจวางของไหว้ทิ้งไว้ ทำให้มีแมลงมาตอม นำมาซึ่งเชื้อโรค หากรับประทานเข้าไปอาจป่วยโรคทางเดินอาหารได้ พร้อมกับแนะนำให้ปรุงอาหารแบบต้มดีกว่าผัด ๆ ทอด ๆ เพราะอาจทำให้เกิดโรคอ้วนได้ รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด เพราะจะทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง

          ถึงแม้เทศกาลตรุษจีนจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่เราก็ควรจะใส่ใจสุขภาพของตนเองอยู่ทุกเวลา เพราะการมีสุขภาพดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้เราต้องทำเอง...




คำอวยพรตรุษจีน

          รวมคำอวยพรวันตรุษจีนพร้อมคำแปลมาฝาก ทั้งคำอวยพรญาติ พ่อ แม่ พี่ น้อง เนื่องในวันตรุษจีน อาทิ คำอวยพร : ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้

คำอวยพรสวัสดีปีใหม่ 
          - 💮 (ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ)... คิดหวังสิ่งใดขอให้สมหวังสมปรารถนาในปีใหม่นี้ มีแต่ความสุขมั่งคั่ง โชคดีร่ำรวยตลอดปี (ถ้าเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วจะออกเสียงว่า ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้)

          -💮 (ซินเหนียนไคว้เล่อ) ... ขอให้มีความสุขในวันปีใหม่

          - 💮 (กงเฮ่อซินเหนียน) ... สุขสันต์วันปีใหม่

          - 💮 (กงเฮ่อซินสี่) ... สุขสันต์วันปีใหม่

คำอวยพรวันตรุษจีน   
 
คำอวยพรเกี่ยวกับเรื่องความร่ำรวย ประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรือง
          - 💮 (กงซีฟาไฉ) ... ขอให้ร่ำรวย
 
          - 💮 (ยื่อจิ้นโต้วจิน) ... ขอให้ชัยชนะ และเงินทองเข้ามาทุก ๆ วัน

          - 💮  (ต้าจี๋ต้าลี่) ... ค้าขายได้กำไร

          - 💮 (เจาไฉจิ้นเป่า) ... เงินทองไหลมาเทมา ทรัพย์สมบัติไหลเข้าบ้าน

          -💮 (จินอวี้หม่านถัง) ... ร่ำรวยเงินทอง ทองหยกเต็มบ้าน
  
          - 💮 (ยื่อยื่อโหย่วเจี้ยนไฉ) ... ทุกวันมีแต่ความร่ำรวย

          - 💮 (หวงจินว่านเหลี่ยง) ... ทองคำมากล้นทวีคูณ (ค้าขายให้มีกำไร ทรัพย์สินเงินทองมากมาย)  
  
          - 💮 (เหนียนเหนียนต้าจ้วนเฉียน) ... ปีนี้ร่ำรวยมหาศาล

          - 💮 (ไฉหยวนกว่างจิ้น) ... เงินทองไหลมาเทมา

          - 💮 (เหนียนเหนียนโหย่วอวี๋) ... เหลือกินเหลือใช้ทุกปี

          - 💮 (อี้เปิ่นว่านลี่) ... กำไรมากมาย
          - 💮 (จู้หนี่ซุ่นลี่) ... ขอให้คุณประสบความสำเร็จ

          - 💮 (จู้หนินปู้ปู้เกาเซิง) ... ขอให้ท่านเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป
          - 💮 (ฝูลวี่ซวงฉวน) ... เป็นสิริมงคล ด้วยเงินทองและวาสนา
          - 💮 (ซื่อเย่ฟาต๋า) ... กิจการเจริญรุ่งเรือง


วันตรุษจีน 
 

คำอวยพรเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ
  
          -💮 (ฝูโซ่วว่านว่านเหนียน) ... อายุยืนหมื่น ๆ ปี

          - 💮 (หลงหม่าจินเสิน) ... สุขภาพแข็งแรง

          - 💮 (ซื่อจี้ผิงอัน) ... ปลอดภัยตลอดปี

          - 💮 (จู้หนี่ฉางโส่ว) ... ขอให้คุณอายุยืนยาว

          - 💮 (จู้หนี่เจี้ยนคัง) ... ขอให้คุณมีสุขภาพแข็งแรง

          -💮 (เซินถีเจี้ยนคัง) ... สุขภาพแข็งแรง

 
คำอวยพรเกี่ยวกับเรื่องความสมปรารถนา

          - 💮 (ว่านซื่อหรูอี้) ... ทุกเรื่องสมปรารถนา

          -💮(เจียห่าวยวิ่นชี่) ... ความโชคดีเข้าบ้าน

          - 💮 (ซื่อซื่อซุ่นลี่) ... ราบรื่นในทุก ๆ เรื่อง

          - 💮 (จี๋เสียงหรูอี้) ... เป็นสิริมงคลสมดังปรารถนา

          - 💮 (ห่าวยวิ่นเหนียนเหนียน) ... โชคดีตลอดไป

          - 💮 (อี้ฝานเฟิงซุ่น) ... ทุกอย่างราบรื่น
          - 💮  (ซิ่งฝูหรูอี้) ... มีความสุขสมปรารถนา

 


วิธีไหว้เจ้าที่ 

          ไหว้เจ้าที่ใช้ธูปกี่ดอก ของไหว้เจ้าที่มีอะไรบ้าง ไหว้เจ้าที่ควรไหว้เวลาไหน มาดูวิธีไหว้เจ้าที่ที่เรานำมาฝากในวันนี้กันค่ะ 

        การไหว้เจ้าที่ อยากรู้ว่า ไหว้เจ้าที่ใช้ธูปกี่ดอก ของไหว้เจ้าที่มีอะไรบ้าง ไหว้เจ้าที่ควรไหว้เวลาไหน มาดูวิธีไหว้เจ้าที่ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้กันค่ะ  

        หลาย ๆ คนอาจยังสงสัยเรื่องไหว้เจ้าที่ การไหว้เจ้าที่ควรทำเวลาไหน ไหว้เจ้าที่ใช้ธูปกี่ดอก ของไหว้เจ้าที่มีอะไรบ้าง และถ้าไม่มีศาลพระภูมิ มีวิธีไหว้เจ้าที่กลางแจ้งอย่างไร วันนี้เราขอรวบรวมวิธีไหว้เจ้าที่และวิธีการตั้งศาลเจ้า พร้อมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งศาลพระภูมิมาฝากกันด้วยค่ะ

วิธีไหว้เจ้าที่
   
ศาลเจ้าที่และศาลพระภูมิ
 

        หลายคนอาจเคยเข้าใจผิดว่า ศาลเจ้าที่และศาลพระภูมิเป็นศาลเดียวกันมาตลอด แต่จริง ๆ แล้วศาลทั้ง 2 ประเภทมีความแตกต่างกัน ดังนี้

        1. ศาลเจ้าที่ คือ การสร้างสถานที่และอัญเชิญวิญญาณเจ้าที่เจ้าทาง ซึ่งเคยเป็นเจ้าของที่ดั้งเดิมที่มีความผูกพันกับพื้นที่นั้น ให้มาช่วยดูแลและปกปักรักษาบ้านเรือน เจ้าที่แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

        - เจ้าที่แท้ : เจ้าของที่เดิมที่ไม่ยอมไปเกิดใหม่ ซึ่งจะคอยปกปักรักษาที่ของตนเองอยู่อย่างนั้น

        - เจ้าที่จร : คือวิญญาณเร่ร่อนที่อยู่โดยรอบบริเวณพื้นที่นั้น ๆ ดังนั้นก่อนการตั้งศาลเจ้าที่จึงจำเป็นต้องมีอาจารย์ตั้งศาลมาตรวจดูว่า มีวิญญาณเจ้าที่อยู่ในบริเวณนั้นหรือไม่ มิเช่นนั้นศาลเจ้าที่ตั้งไว้จะกลายเป็นศาลว่างเปล่า ไม่มีวิญญาณคอยดูแล

        ลักษณะของศาลเจ้าที่มักจะเป็นเรือนที่มีฐานใหญ่กว่าศาลพระภูมิ อยู่ในระดับความสูงเพียงครึ่งหนึ่งของศาลพระภูมิ ภายในจะมีรูปปั้นตา-ยาย หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า ศาลตา-ยาย นั่นเอง
 
        2. ศาลพระภูมิ คือ สถานที่สำหรับพระชัยมงคลหรือเทพที่คอยปกปักรักษาบ้านเรือน ซึ่งเชื่อกันว่าการกราบไหว้บูชาพระชัยมงคลจะทำให้บ้านหลังนั้นอยู่เย็นเป็นสุข คลาดแคล้วจากอันตราย มีความเป็นสิริมงคล และสามารถขอพรให้เรื่องต่าง ๆ ดำเนินไปได้ด้วยดี

วิธีไหว้เจ้าที่

ตำแหน่งการตั้งศาลเจ้าที่และศาลพระภูมิ

1. ศาลเจ้าที่
        ต้องตั้งให้ถูกตำแหน่ง มิเช่นนั้นอาจจะเกิดผลไม่ดีตามมา หรือหากไม่มีพื้นที่ที่เหมาะในการตั้งศาลก็ไม่ควรตั้งก็ได้ ให้แก้ด้วยการไหว้เจ้าที่กลางแจ้ง ส่วนหลักการตั้งศาลเจ้าที่มีข้อกำหนดดังต่อไปนี้

        - พื้นที่นั้นจะต้องสะอาด ไม่มีสิ่งกีดขวางด้านหน้าศาล
        - ไม่ตั้งหลบมุมจนมองไม่เห็น
        - ตั้งให้ตรงกับประตูทางเข้าบ้าน
        - ห้ามหันหน้าหรือตั้งใกล้บริเวณห้องน้ำ
        - ห้ามตั้งไว้ใต้บันได เพราะเป็นพื้นที่สัญจรทำให้ไม่สงบ
        - ต้องไม่ตั้งให้อยู่ใต้คานบ้าน มิเช่นนั้นความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าที่จะลดลง
 
2. ตำแหน่งที่ตั้งศาลพระภูมิ

        การตั้งศาลพระภูมิควรตั้งระดับฐานชานชาลาให้อยู่ในระดับสายตาหรือเหนือคิ้วของเจ้าของบ้านคนปัจจุบัน การหันหน้าศาลพระภูมิควรหันหน้าเข้าหาทิศตะวันออก ทิศเหนือ และทิศอีสานเท่านั้น ก่อนตั้งศาลจะต้องเชิญอาจารย์ตั้งศาลมาดูพื้นที่และทิศทางให้เหมาะสม โดยมีหลักการตั้งศาลพระภูมิ ดังนี้

        - บริเวณที่จะตั้งศาลจะต้องสะอาด ไม่รกร้าง
        - ต้องไม่หันหน้าและอยู่ห่างจากห้องน้ำ
        - ต้องตั้งอยู่บนพื้นดินเท่านั้น ห้ามตั้งบนตัวบ้าน
        - ตั้งในที่ที่ไม่โดนเงาบ้านทับ
        - ห้ามหันหน้าศาลให้ตรงกับประตูหน้าบ้าน
        - ศาลต้องอยู่ห่างจากกำแพงบ้านและรั้วบ้านประมาณ 1 เมตร
        - ยกฐานศาลให้สูงประมาณ 1 คืบก็จะดี

วิธีไหว้เจ้าที่

การไหว้เจ้าที่และศาลพระภูมิ
1. ไหว้เจ้าที่

        การไหว้ศาลเจ้าที่จะต้องทำความสะอาดในทุก ๆ เช้า ของไหว้เจ้าที่ ได้แก่ พวงมาลัยดอกไม้สด น้ำเปล่า ผลไม้ และอาหารคาว-หวาน และจุดธูปไหว้เจ้าที่ 5 ดอก พร้อมกับกล่าวคำไหว้เจ้าที่หรือคาถาไหว้เจ้าที่ ถ้าจะให้ดีควรเปลี่ยนของไหว้เจ้าที่ทุกวันด้วย และอย่าลืมทำความสะอาดบริเวณศาลเจ้าที่ด้วยถึงจะได้ผลดี

- การไหว้เจ้าที่กลางแจ้ง ทำอย่างไร ?
 
        สำหรับบ้านที่ไม่มีศาลเจ้าที่ แต่เจ้าของบ้านต้องการไหว้เจ้าที่ เพื่อให้เกิดความสบายใจก็สามารถทำได้ค่ะ ด้วยการนำโต๊ะขนาดพอดีมาตั้งไว้หน้าบ้าน โดยหันหน้าเข้าหาบ้าน หรือบางคนอาจจะวางไว้กลางบ้านเลยก็ได้ค่ะ จากนั้นนำกระถางธูปพร้อมของไหว้เจ้าที่มาวางไว้ เพื่อสักการะกราบไหว้ให้ท่านดูแลรักษาพื้นที่แห่งนี้
 
2. ไหว้ศาลพระภูมิ

        การสักการะกราบไหว้ศาลพระภูมินั้นจะต้องทำทุกเช้าก่อนออกจากบ้าน ให้เตรียมจุดธูปบูชา 5 ดอก เทียน ดอกไม้สด พวงมาลัยสด ถวายน้ำเปล่า และอาหารคาว-หวาน ซึ่งอาหารคาว-หวานและผลไม้นั้นจะต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนภายในสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือเดือนละ 2 ครั้ง มาสวดมนต์และขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล หลังจากบูชาเสร็จก็ควรทำความสะอาดบริเวณศาลด้วยก็จะยิ่งดี

        หากคิดที่จะตั้งศาลทั้งศาลพระภูมิและศาลเจ้าที่แล้วนั้น ผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านก็ต้องประพฤติและปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลธรรม และดูแลสักการะศาลให้ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอกันด้วยนะคะ เพื่อให้เกิดผลดีและความเป็นสิริมงคลกับทุกคนในบ้าน





 ขอขอบคุณข้อมูลจาก 
- thai.cri.cn
- abhidhamonline.org
- thaigoogleearth.com

- กระปุกดอทคอม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น