10 เคล็ดลับรับมือความเหนื่อยล้า สำหรับคุณแม่มือใหม่
การได้มีอีกหนึ่งชีวิตน้อย ๆ เกิดขึ้นมาให้ได้เลี้ยงดูทะนุถนอม ซึ่งมาพร้อม ๆ กับสถานะใหม่ของชีวิต คือการได้เป็นคุณแม่ หลาย ๆ สิ่งที่คุ้นเคยก็ได้เปลี่ยนแปลงไป ชีวิตในไลฟ์สไตล์แบบเดิม ๆ ก็เปลี่ยนไปด้วย เวลาพักผ่อนอาจน้อยลง เพื่อให้ดูแลลูกได้อย่างเต็มที่ สิ่งเหล่านี้สร้างความอ่อนล้าและความเครียดให้กับคุณแม่มือใหม่ได้ กระปุกดอทคอมจึงขอนำเคล็ดลับสำหรับคุณแม่มือใหม่เพื่อรับมือกับสถานการณ์อ่อนล้าในช่วงแม่ลูกอ่อนมาฝากค่ะ
1. ปรับชีวิตให้ช้าลง
ชีวิตของผู้ใหญ่ในปัจจุบันต่างเร่งรีบดำเนินไปแข่งกับเวลา แต่สำหรับชีวิตของเด็กทารกแล้ว เขาก้าวย่างด้วยอัตราเร็วที่ช้ากว่าเรามาก ๆ คุณแม่เองลองปรับการใช้ชีวิตของตัวเองให้ช้าลงตาม คุณก็จะรู้สึกเย็นลง และผ่อนคลายมากขึ้นได้ค่ะ
ชีวิตของผู้ใหญ่ในปัจจุบันต่างเร่งรีบดำเนินไปแข่งกับเวลา แต่สำหรับชีวิตของเด็กทารกแล้ว เขาก้าวย่างด้วยอัตราเร็วที่ช้ากว่าเรามาก ๆ คุณแม่เองลองปรับการใช้ชีวิตของตัวเองให้ช้าลงตาม คุณก็จะรู้สึกเย็นลง และผ่อนคลายมากขึ้นได้ค่ะ
2. มองโลกในแง่ดี
คุณจะได้ชื่อว่าเป็นคุณแม่มือใหม่เพียงแค่ไม่กี่เดือนหลังจากคลอดลูกเท่านั้น อาจจะเหนื่อยอย่างนี้ไปสักพัก แต่จะไม่ยาวนานแน่นอน ลองคิดดูว่าคุณสามารถทำอะไรให้ลูกในช่วงเวลานี้ได้บ้างดีกว่า และลงมือทำมันให้ได้มากที่สุด
คุณจะได้ชื่อว่าเป็นคุณแม่มือใหม่เพียงแค่ไม่กี่เดือนหลังจากคลอดลูกเท่านั้น อาจจะเหนื่อยอย่างนี้ไปสักพัก แต่จะไม่ยาวนานแน่นอน ลองคิดดูว่าคุณสามารถทำอะไรให้ลูกในช่วงเวลานี้ได้บ้างดีกว่า และลงมือทำมันให้ได้มากที่สุด
3. งีบหลับทุกเมื่อที่มีโอกาส
พยายามงีบหลับให้ได้ทุกเมื่อที่มีโอกาส เช่นในยามที่ลูกหลับปุ๋ย หรือยามที่มีคนคอยดูแลลูกน้อยแทน แม้อาจเป็นเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง แต่มันก็ทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นได้
พยายามงีบหลับให้ได้ทุกเมื่อที่มีโอกาส เช่นในยามที่ลูกหลับปุ๋ย หรือยามที่มีคนคอยดูแลลูกน้อยแทน แม้อาจเป็นเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง แต่มันก็ทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นได้
4. หาทางผ่อนคลายตัวเองบ้าง
การดูแลลูกน้อยกินพลังงานคุณไปมาก จึงจำเป็นที่จะต้องเติมพลังงานให้กลับมาเต็มเปี่ยมเหมือนเดิม ลองหากิจกรรมที่ชื่นชอบที่คุณสามารถทำได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง อย่างออกไปเดินเล่น อ่านหนังสือ แช่น้ำอุ่น จิบน้ำชา นั่งคุยกับเพื่อนบ้าน ก็จะช่วยให้คุณเติมความสดชื่นและคืนพลังงานกลับมาได้อีกครั้ง
การดูแลลูกน้อยกินพลังงานคุณไปมาก จึงจำเป็นที่จะต้องเติมพลังงานให้กลับมาเต็มเปี่ยมเหมือนเดิม ลองหากิจกรรมที่ชื่นชอบที่คุณสามารถทำได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง อย่างออกไปเดินเล่น อ่านหนังสือ แช่น้ำอุ่น จิบน้ำชา นั่งคุยกับเพื่อนบ้าน ก็จะช่วยให้คุณเติมความสดชื่นและคืนพลังงานกลับมาได้อีกครั้ง
5. คิดเสียว่าการที่ลูกร้องไห้คือการพยายามสื่อสารกับคุณ
หลายครั้งที่คุณต้องเหนื่อยกับการทำให้ลูกน้อยที่กำลังร้องโยเยสงบลง ให้คิดเสียว่าการที่เขาร้องไห้นั้นคือการพยายามสื่อสารกับคุณ (ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ แหละค่ะ) ไม่ว่าจะเรื่องหิว อับชื้น ไม่สบายตัว ร้อน หวาดกลัว ฯลฯ การที่คุณได้เรียนรู้ว่า การร้องแบบไหนของลูกแทนการสื่อสารอย่างไร จะทำให้คุณรู้สึกเข้าอกเข้าใจ สนุกที่ได้คุยกับลูก และสามารถปลอบเขาได้อย่างเห็นผล
หลายครั้งที่คุณต้องเหนื่อยกับการทำให้ลูกน้อยที่กำลังร้องโยเยสงบลง ให้คิดเสียว่าการที่เขาร้องไห้นั้นคือการพยายามสื่อสารกับคุณ (ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ แหละค่ะ) ไม่ว่าจะเรื่องหิว อับชื้น ไม่สบายตัว ร้อน หวาดกลัว ฯลฯ การที่คุณได้เรียนรู้ว่า การร้องแบบไหนของลูกแทนการสื่อสารอย่างไร จะทำให้คุณรู้สึกเข้าอกเข้าใจ สนุกที่ได้คุยกับลูก และสามารถปลอบเขาได้อย่างเห็นผล
6. ไม่ตั้งความหวังสูงกับสิ่งที่วางแผนไว้
คุณแม่หลาย ๆ คนออกจากงานเพื่อทุ่มเวลาให้กับการเลี้ยงเจ้าตัวน้อยโดยเฉพาะ หลาย ๆ คนก็คาดหวังไว้ว่าอาจรับทำงานที่บ้าน จัดบ้าน ทำสวน หรือปลูกต้นไม้ ดอกไม้ ให้สวยงาม แต่ในความจริงการเลี้ยงเด็กอ่อนอาจยุ่งกว่าที่คุณคิด คุณอาจไม่ได้ลงมือทำในสิ่งที่คาดไว้สักอย่างเลยก็ได้ และเพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกท้อแท้ผิดหวัง สู้คาดหวังแต่เรื่องดูแลลูกให้ดี และค่อยแบ่งเวลาว่าง (ถ้าหากมี) ไปทำงานที่อยากทำจะดีกว่า
คุณแม่หลาย ๆ คนออกจากงานเพื่อทุ่มเวลาให้กับการเลี้ยงเจ้าตัวน้อยโดยเฉพาะ หลาย ๆ คนก็คาดหวังไว้ว่าอาจรับทำงานที่บ้าน จัดบ้าน ทำสวน หรือปลูกต้นไม้ ดอกไม้ ให้สวยงาม แต่ในความจริงการเลี้ยงเด็กอ่อนอาจยุ่งกว่าที่คุณคิด คุณอาจไม่ได้ลงมือทำในสิ่งที่คาดไว้สักอย่างเลยก็ได้ และเพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกท้อแท้ผิดหวัง สู้คาดหวังแต่เรื่องดูแลลูกให้ดี และค่อยแบ่งเวลาว่าง (ถ้าหากมี) ไปทำงานที่อยากทำจะดีกว่า
7. รับความช่วยเหลือจากคนอื่น
อย่าลังเลขลาดเขินที่จะตอบรับความช่วยเหลือของคนอื่นบ้าง เช่น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท หรือว่าเพื่อนบ้าน ที่อาสาช่วยดูแลเจ้าหนูน้อยของคุณให้ เพื่อคุณจะได้มีเวลาส่วนตัวเล็ก ๆ บ้าง
อย่าลังเลขลาดเขินที่จะตอบรับความช่วยเหลือของคนอื่นบ้าง เช่น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท หรือว่าเพื่อนบ้าน ที่อาสาช่วยดูแลเจ้าหนูน้อยของคุณให้ เพื่อคุณจะได้มีเวลาส่วนตัวเล็ก ๆ บ้าง
8. ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้าง
บางทีการที่คุณแสดงออกว่าเป็นคุณแม่คนเก่งและแกร่ง ที่สามารถดูแลลูกด้วยตนเองได้ อาจทำให้คนที่คอยเป็นห่วงอยากจะช่วยเหลือรู้สึกขลาดเขินที่จะออกปากเสนอตัวคอยช่วย แต่เชื่อเถอะ ถ้าวันไหนที่คุณเหนื่อยล้ามาก ๆ ลองออกปากขอความช่วยเหลือฝากดูแลลูกน้อยสักหน่อย คนที่คอยเป็นห่วงรอบ ๆ ตัวคุณเขาจะไม่ลังเลที่จะตอบตกลงเลยล่ะ
บางทีการที่คุณแสดงออกว่าเป็นคุณแม่คนเก่งและแกร่ง ที่สามารถดูแลลูกด้วยตนเองได้ อาจทำให้คนที่คอยเป็นห่วงอยากจะช่วยเหลือรู้สึกขลาดเขินที่จะออกปากเสนอตัวคอยช่วย แต่เชื่อเถอะ ถ้าวันไหนที่คุณเหนื่อยล้ามาก ๆ ลองออกปากขอความช่วยเหลือฝากดูแลลูกน้อยสักหน่อย คนที่คอยเป็นห่วงรอบ ๆ ตัวคุณเขาจะไม่ลังเลที่จะตอบตกลงเลยล่ะ
9. เข้ากลุ่มกับคุณแม่มือใหม่คนอื่น ๆ
สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าและท้อมาก ๆ กับการเป็นคุณแม่มือใหม่ คือการที่คุณคิดว่ามีเพียงตัวคุณคนเดียวเท่านั้นที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ความจริงแล้ว ความรู้สึกเช่นนี้ล้วนเกิดขึ้นกับคุณแม่มือใหม่ทุกคนทั่วโลก การได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้สึก แลกเปลี่ยนคำแนะนำซึ่งกันและกัน จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้มาก ลองเข้ากลุ่มคุณแม่มือใหม่ที่โรงพยาบาล หรือศูนย์เด็กอ่อนดูนะคะ
สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าและท้อมาก ๆ กับการเป็นคุณแม่มือใหม่ คือการที่คุณคิดว่ามีเพียงตัวคุณคนเดียวเท่านั้นที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ความจริงแล้ว ความรู้สึกเช่นนี้ล้วนเกิดขึ้นกับคุณแม่มือใหม่ทุกคนทั่วโลก การได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้สึก แลกเปลี่ยนคำแนะนำซึ่งกันและกัน จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้มาก ลองเข้ากลุ่มคุณแม่มือใหม่ที่โรงพยาบาล หรือศูนย์เด็กอ่อนดูนะคะ
10. ยอมรับตัวเองว่ารู้สึกอ่อนไหวง่ายขึ้น
คุณแม่บางคนรู้สึกว่าตัวเองอ่อนไหวมากขึ้น แค่เรื่องลูกมากระทบนิด ๆ หน่อย ๆ ก็พาลจะร้องไห้ หลาย ๆ คนไม่ชอบที่ตัวเองเป็นเช่นนี้ แต่การอ่อนไหวไม่ได้แปลว่าอ่อนแอหรอกนะคะ อารมณ์เช่นนี้เหมือนจะเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติ เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งได้ก้าวขึ้นมาเป็นแม่ ดังนั้นมาเปิดใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในจุดนี้ของตัวเองดีกว่า แล้วคุณจะสบายใจขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ
คุณแม่บางคนรู้สึกว่าตัวเองอ่อนไหวมากขึ้น แค่เรื่องลูกมากระทบนิด ๆ หน่อย ๆ ก็พาลจะร้องไห้ หลาย ๆ คนไม่ชอบที่ตัวเองเป็นเช่นนี้ แต่การอ่อนไหวไม่ได้แปลว่าอ่อนแอหรอกนะคะ อารมณ์เช่นนี้เหมือนจะเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติ เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งได้ก้าวขึ้นมาเป็นแม่ ดังนั้นมาเปิดใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในจุดนี้ของตัวเองดีกว่า แล้วคุณจะสบายใจขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ
ก้าวแรกของการเป็นแม่ จะเติบโตและพัฒนาไปพร้อม ๆ กับก้าวย่างในชีวิตของเจ้าหนูตัวน้อยของคุณเช่นกันค่ะ แม้จะเหนื่อยบ้าง เครียดบ้าง ท้อบ้าง แต่เรามั่นใจว่าด้วยสัญชาติญาณของความเป็นแม่ คุณจะผ่านพ้นมันไปได้อย่างแน่นอน และอย่าลืมดูแล ผ่อนคลายตัวเอง ตามคำแนะนำที่เรานำมาฝากกันนะคะ
ที่มา :: กระปุกดอทคอม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น