Keanu Reeves ซูเปอร์สตาร์หน้านิ่ง
ใคร ๆ ต่างก็รู้จัก คีอานู รีฟส์ พระเอกแอ็กชันหน้านิ่ง ที่คนทั้งโลกยอมรับในฝีมือการแสดงและชื่นชมการวางตัวที่แสนจะเรียบง่าย ติดดิน ให้เกียรติ และแทบจะไม่เคยมีเรื่องเสีย ๆ หาย ๆ เลยแม้แต่น้อยแม้เขาเองจะพบพานกับเรื่องร้าย ๆ มาเกือบจะตลอดชีวิต ย้อนดูเรื่องราวชีวิตแห่งการพลัดพรากก่อนจะมาเป็นสุภาพบุรุษฮอลลีวูดที่นั่งอยู่ในใจผู้คนมาตลอดกว่า 38 ปี
จุดเริ่มต้นแห่งความพลัดพราก
คีอานู รีฟส์ Keanu Reeves John Wick
คีอานู ชาร์ลส์ รีฟส์ เกิดเมื่อวันที่ 2 กันยายน ปี 1964 ที่เมืองเบรุส ประเทศเลบานอนในระหว่างที่พ่อของเขา แซมูเอล โนว์ลิน รีฟส์ จูเนียร์ (Samuel Nowlin Reeves Jr.) ชาวอเมริกันเชื้อสายฮาวาย จีน โปรตุเกส และอังกฤษ และแม่ชาวอังกฤษ แพทริเซีย เทย์เลอร์ (Patricia Taylor) ทำอาชีพเป็นผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายตามกองถ่าย ได้บินไปทำงานและเจอกันที่เลบานอน
เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียว โดยเขามีพี่สาว (Emma Reeves) น้องสาวต่างพ่อ (Karina Miller) และน้องสาวคนเล็ก (Kim Reeves) พ่อและแม่ตั้งชื่อบุตรชายคนเดียวของบ้าน เป็นภาษาฮาวายว่า คีอานู ที่มาจากชื่อลุงของเขา อันมีความหมายว่า ‘สายลมเย็นที่พัดผ่านเหนือภูเขา’
แต่ชีวิตของเขาไม่ได้สงบเรียบดังชื่อเพราะตอนที่รีฟส์อายุได้แค่ 3 ขวบ พ่อกับแม่ของเขาหย่าขาดจากกัน หลังจากนั้น พ่อก็ถูกจับกุมข้อหาค้าเฮโรอีนที่สนามบินในฮาวาย ทำให้รีฟส์แทบไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับพ่อแท้ ๆ เลย
แม่ต้องพารีฟส์และครอบครัวย้ายไปอาศัยอยู่ในหลาย ๆ ประเทศ รีฟส์และครอบครัวต้องย้ายที่อยู่ไปอาศัยอยู่ในหลายประเทศ ทั้งที่เมืองซิดนีย์ ออสเตรเลียและนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เนื่องจากแม่แต่งงานกับ พอล แอรอน (Paul Aaron) ผู้กำกับภาพยนตร์และละครบรอดเวย์ รีฟส์ใช้ชีวิตกับแอรอนในฐานะพ่อเลี้ยงและย้ายไปตั้งรกรากที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ก่อนที่แม่จะหย่าร้างกับพ่อเลี้ยง การย้ายมาอยู่ที่โตรอนโตนี้เอง ทำให้เขามีสัญชาติแคนาดามาจนถึงปัจจุบัน
แต่แม้จะหย่ากัน แต่แอรอนก็ยังคงฝากฝังให้รีฟส์ได้เริ่มต้นแสดงละครเวทีเป็นครั้งแรกในเรื่อง ‘Damn Yankees’ เมื่อตอนที่รีฟส์อายุได้ 9 ขวบ และฝากงานที่โรงละครเวทีให้ทำให้เขาได้ร่วมเล่นละครเวทีทั้งในโรงเรียนและในชุมชนอีกหลายเรื่อง
เด็กเรียนแย่ผู้มีพรสวรรค์ด้านกีฬา
รีฟส์มีอุปสรรคในด้านการเรียน เพราะเขามีภาวะดิสเล็กเซีย (Dyslexia) ที่ทำให้เขามีปัญหาด้านการอ่าน ทำให้เขาเรียนรู้ได้ช้าและมักโดนเพื่อนล้อ แต่รีฟส์ในวัยมัธยม ก็มีพรสวรรค์ในกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง เขาเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูของทีมโรงเรียนที่เคยได้รับการโหวตให้เป็น MVP จนทำให้เขาฝันอยากเป็นนักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งมืออาชีพ
แต่สุดท้าย ด้วยการแต่งงานของแม่กับสามีใหม่อีก 3 คน ทำให้เขาต้องย้ายโรงเรียนถึง 4 ครั้ง รวมทั้งอาการบาดเจ็บ ทำให้เขาล้มเลิกความฝันที่จะเป็นนักกีฬา และลาออกมาเรียนด้านการแสดงอย่างเต็มตัว แต่สุดท้ายแต่เขาก็กลับโดนไล่ออกจากโรงเรียนเนื่องจากเขาชอบพูดจาโวยวายเสียงดัง
ยุคสมัยของพระเอกวัยรุ่นหน้าใส
ในระหว่างนั้น รีฟส์เองก็ได้ไปปรากฏตัวในทีวีของแคนาดา ทั้งการรับบทในซิตคอมเรื่อง Hangin ‘ In ในปี 1985 เป็นนักข่าวสมัครเล่นในรายการ Going Great ของสถานีโทรทัศน์ CBC ได้แสดงในโฆษณาทีวี เล่นหนังสั้นและร่วมเล่นละครเวที เป็นการปูทางสู่การเป็นนักแสดงในเวลาต่อมา
ในปี 1986 รีฟส์ในวัย 22 ปี ได้เริ่มก้าวเข้าสู่การแสดงภาพยนตร์ในหนังทีวี ‘Babes in Toyland’ (1986) ของสถานีโทรทัศน์ NBC และข้ามมาเล่นหนังโรงครั้งแรกในบทบาทนักกีฬาฮอกกี้ ใน Youngblood (1986) แสดงหนังอาชญากรรมวัยรุ่น ใน ‘River’s Edge’ (1986) ที่นักวิจารณ์จาก The New York Times ชื่นชมว่าเขามีการแสดงที่เป็นธรรมชาติและน่าเชื่อถือ
https://youtu.be/LCc7-gU9VTs?si=atmMjKPK_O-yxNBSตอนเข้าวงการช่วงแรก รีฟส์ถูกเสนอโดยเอเจนซีต้นสังกัดให้เปลี่ยนชื่อ คีอานู ที่ดูเรียกยากเกินไป เปลี่ยนเป็น เค.ซี. รีฟส์ (K.C. Reeves) และ ชัค สปาดีนา (Chuck Spadina) แต่สุดท้ายเขาก็ยืนยันที่จะใช้ชื่อ คีอานู ปลายทศวรรษ 1980 รีฟส์ได้มีโอกาสประกบคู่กับดาราฮอลลีวูด ทั้ง มิเชล ไฟเฟอร์ (Michelle Pfeiffer) และ จอห์น มัลโควิช (John Malkovich) ใน ‘Dangerous Liaisons’ (1988) และในหนังคู่หูตลกผสมไซไฟย้อนเวลาใน ‘Bill & Ted’s Excellent Adventure’ (1989) ที่เขารับบทเป็น เท็ด คู่กับ บิล ที่รับบทโดย อเล็กซ์ วินเทอร์ (Alex Winter) ที่ได้รับคำชม และแจ้งเกิดเขาครั้งแรกในฐานะนักแสดงวัยรุ่นหน้าใสที่เริ่มมีผลงานการแสดงตามมามากมาย
ริเวอร์ ฟีนิกซ์ เพื่อน และความพลัดพรากครั้งที่ 2
รีฟส์ต้องเผชิญกับความพลัดพรากอีกครั้งเมื่อเขาได้รู้จักกับ ริเวอร์ ฟีนิกซ์ (River Phoenix) นักแสดงฝีมือดี พี่ชายของ วาคีน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) ที่ร่วมงานกับรีฟส์ในกองถ่ายหนัง ‘Parenthood’ (1989) ที่รีฟส์แสดงร่วมกับวาคีน แม้อายุและบุคลิกจะแตกต่างกัน แต่ริเวอร์กับรีฟส์กลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่มีอยู่ไม่กี่คนในชีวิตของกันและกัน และได้มีโอกาสร่วมแสดงใน ‘My Own Private Idaho’ ในปี 1991 ที่ได้รับคำชมล้นหลาม แต่นั่นก็เป็นการร่วมงานครั้งสุดท้ายของทั้งคู่ เพราะในที่สุด ริเวอร์ก็จากไปในปี 1993 จากการเสพยาเสพติดเกินขนาด
เริ่มต้นสู่การเป็นพระเอกแถวหน้าเจ้าบทบาท
รีฟส์ในช่วงปี 1990 เป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงฝีมือที่มีผลงานหลากหลาย ผลงานของเขาในช่วงนี้มีทั้งหนังนอกกระแส เช่นการรับบทเป็นเจ้าชายสิทธัตถะใน ‘Little Buddha’ (1993) และหนังแอ็กชันบล็อกบัสเตอร์ อาทิ ‘Point Break’ (1991)
และ ‘Speed’ ที่ออกฉายในปี 1994 ซึ่งทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 350 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างแค่ 37 ล้านเหรียญ ส่งให้รีฟส์แจ้งเกิดในฐานะแอ็กชันสตาร์แบบเต็มตัว รวมทั้งคู่พระนางอย่างรีฟส์ และ แซนดรา บุลล็อก (Sandra Bullock) ที่กลายเป็นคู่ขวัญจอเงินในเวลานั้นไปด้วย
และก้าวสู่จุดสูงสุดด้วยการรับบทเป็น นีโอ ผู้ปลดปล่อย ในหนังแอ็กชันไซไฟ ‘The Matrix’ ในปี 1999 ที่ทำรายได้ถล่มทลาย เปลี่ยนชีวิตเขาให้กลายเป็นนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูดที่โด่งดังไปทั่วโลก
รีฟส์ยังคงมีผลงานอันหลากหลาย ที่มีทั้งผลงานที่ประสบความสำเร็จ และผลงานที่ล้มเหลวด้านชื่อเสียงทั้งการรับบทบาทนีโออีกครั้งใน ‘The Matrix Reloaded’ (2003), ‘The Matrix Revolutions’ (2003) และ ‘The Matrix Resurrections’ (2021) รับบทในหนังแอ็กชันสยองขวัญ ‘Constantine’ (2005) และชิมลางการเป็นผู้กำกับ ในหนังแนวศิลปะการต่อสู้ของจีน ‘Man of Tai Chi’ ในปี 2013 ที่เขาลงมือกำกับและแสดงนำ แต่ทำรายได้ไม่ค่อยสวยงามนัก
เจนนิเฟอร์ ไซม์ ความพลัดพรากครั้งที่ 3
แต่กว่าที่เขาจะมายืนอยู่ในจุดนี้ได้ เขาเองก็ยังต้องพบกับการพลัดพรากอีกครั้ง ตอนช่วงที่เขาถ่ายทำ ‘The Matrix’ ในปี 1998 ในระหว่างนั้นเขายังเป็นมือเบส หนึ่งในสมาชิกของวงดนตรีร็อกที่มีชื่อว่า ‘Dogstar’ เขาได้พบรักกับ เจนนิเฟอร์ ไซม์ (Jennifer Syme) ผู้ช่วยผู้กำกับของผู้กำกับชื่อดัง เดวิด ลินช์ (David Lynch) ในงานปาร์ตี้ของวง ทั้งคบหาและมีลูกด้วยกันในปี 1999 ทั้งคู่ตั้งใจจะสร้างครอบครัวเดียวกัน
แต่สุดท้ายก็ต้องฝันสลาย เมื่อลูกสาวที่คลอดก่อนกำหนดก็เสียชีวิต ทำให้ทั้งคู่เสียใจอย่างหนัก ก่อนจะเลิกรากัน ทั้งคู่ยังคงสถานะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่สุดท้าย ไชม์ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตในปี 2001 ทำให้รีฟส์เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง แทบจะไม่มีข่าวกับผู้หญิงคนไหนอีกนับ 10 ปี จนกระทั่งเขาได้เปิดตัว อเล็กซานดรา แกรนต์ (Alexandra Grant) ศิลปินวาดภาพในปี 2019 มาจนถึงปัจจุบัน
ในเวลาต่อมา คิม รีฟส์ น้องสาวของเขา ก็ตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ทำให้เขาตัดสินใจหยุดพักการแสดงเพื่อใช้เวลาดูแลน้องสาวมาตลอด 10 ปี รีฟส์เผยว่า ในช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่เขาต้องเผชิญกับภาวะซึมเศร้าอยู่นาน และเขาต้องต่อสู้เพื่อให้หลุดพ้นจากความทนทุกข์ทรมานไปให้ได้
จอห์น วิค บทบาทและภาพจำของรีฟส์ในยุคใหม่
จนกระทั่งเมื่อรีฟส์ได้มาร่วมงานในหนังแอ็กชันทริลเลอร์ John Wick ในปี 2014 ที่ประสบความสำเร็จทั้งคำวิจารณ์ และรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิศ จนสามารถสานต่อความสำเร็จของแฟรนไชส์ จอห์น วิค ด้วยภาคต่ออีก 3 ภาค ทั้ง ‘John Wick: Chapter 2’ ในปี 2017 ‘John Wick: Chapter 3 Parabellum’ ในปี 2019 และ ‘John Wick: Chapter 4’ ที่ฉายในปี 2023
จากการทุ่มเทเสี่ยงตายด้วยการแสดงฉากแอ็กชัน ฉากบู๊ด้วยตัวเองและฝีกฝนศิลปะการป้องกันตัวทำให้บทบาท จอห์น วิค กลายเป็นคาแรกเตอร์ประจำตัวของรีฟส์ ที่ไม่ว่าจะไปแสดงในหนังเรื่องไหน พากย์การ์ตูน ‘Toy Story 4’ (2019) ร่วมแจมในการ์ตูน ‘The SpongeBob Movie: Sponge on the Run’ (2020) หรือร่วมแสดงในเกม ‘Cyberpunk 2077’ แต่คาแรกเตอร์ จอห์น วิค ก็ยังเป็นภาพจำที่เหนียวแน่นที่สุดของเขาแบบแยกไม่ออก
สุภาพบุรุษแห่งฮอลลีวูด
ความสูญเสียต่าง ๆ นานาที่เขาเจอ ทำให้เขามองว่า เงินไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต หลังจากที่คิม น้องสาวของเขารักษาโรคลูคีเมียจนหายดี เขาและคิมได้นำเงินค่าตัวที่ได้รับจากตอนแสดงหนัง The Matrix จำนวน 31.5 ล้านเหรียญ หรือกว่า 70% จากค่าตัวทั้งหมด 45 ล้านเหรียญบริจาคช่วยเหลือองค์กรวิจัยด้านโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และยังได้ก่อตั้งมูลนิธิ ‘The SickKids Foundation’ ซึ่งเป็นมูลนิธิช่วยเหลือแก่โรงพยาบาลเด็ก และยังได้ก่อตั้ง ‘Stand Up To Cancer’ กองทุนที่สนับสนุนงบประมาณเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง โดยไม่มีการระบุชื่อตัวเองเป็นผู้ก่อตั้ง
นอกจากนี้ยังทำให้เขาชอบช่วยเหลือคนอื่น ๆ รอบข้าง เพื่อเอาชนะความสูญเสียในอดีต ทั้งตอนถ่ายทำ ‘The Matrix’ เขาซื้อมอเตอร์ไซค์ Harley Davidson 12 คัน มอบให้แก่ทีมสตันท์แมนในหนัง ยอมลดค่าตัวเพื่อให้มีเงินพอจ้าง อัล ปาชิโน (Al Pacino) มาแสดงใน ‘The Devil’s Advocate’ (1997) ยอมลดค่าตัวเหลือครึ่งเดียว ใน ‘The Matrix’ ภาค 2 และ 3 เพื่อให้มีงบพอค่าเสื้อผ้าและเทคนิคพิเศษ รวมทั้งยังแจกนาฬิกา Rolex Submariner Date แก่สตันท์แมนทั้ง 4 คนใน ‘John Wick: Chapter 4’ อีกด้วย
รีฟส์ในวัย 58 ปี มีรายได้ 380 ล้านเหรียญในปี 2023 ซึ่งเขาเคยเป็นนักแสดงที่เคยได้รับค่าตัวมากที่สุดจากแฟรนไชส์ The Matrix รวมทั้งรีฟส์ยังเป็นคนที่หลงใหลในมอเตอร์ไซค์เป็นอย่างมาก มีงานอดิเรกในการสะสมมอเตอร์ไซค์และร่วมกับเพื่อนก่อตั้งแบรนด์ Arch Motorcycles เพื่อผลิตมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์แบบคัสตอม
https://youtu.be/O4iGNXsqghs?si=tA7rtdSTGww_JCZQแต่ถึงกระนั้น รีฟส์ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นดาราที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่หรูหรา ใส่เสื้อผ้าไม่แพง ยังขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน นั่งกินอาหารข้างทาง อ่านหนังสือ ชอบนั่งคนเดียว หลายครั้งมีผู้พบเห็นเขามักจะพูดคุยกับคนไร้บ้านแบบไม่ถือเนื้อถือตัว รวมทั้งความเป็นมิตร ให้เกียรติ เป็นกันเอง วางตัวได้เสมอต้นเสมอปลาย อย่างที่มักจะปรากฏในข่าวอยู่สม่ำเสมอ ทั้งไม่แตะต้องร่างกายผู้หญิงตอนถ่ายรูป
เคยไปแอบเซอร์ไพรส์กลางงานแต่งงานของแฟนคลับ ลุกให้ผู้หญิงนั่งบนรถไฟใต้ดิน ให้เกียรติและช่วยเหลือทุกคนในกองถ่าย ปฏิบัติตัวกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และอีกมากมายนับไม่ถ้วน ที่ทำให้รีฟส์กลายเป็นสุภาพบุรุษฮอลลีวูดใจหล่อที่แทบไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียเลยตลอดเวลาที่เขาอยู่ในวงการ
รีฟส์ยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 25 นักแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษที่ 21 จากเว็บไซต์ The New York Times และล่าสุดในปี 2023 นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยในเยอรมนี ได้ให้เกียรติแก่รีฟส์ในการนำชื่อของเขาไปตั้งชื่อสารต่อต้านเชื้อราจากแบคทีเรีย ในชื่อว่า คีอานูมัยซิน (Keanumycins) เนื่องจากสารชนิดนี้ มีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อราที่เป็นอันตรายต่อพืชและมนุษย์ ได้แรงกว่านรกเหมือนกับ จอห์น วิค
Keanu Reeves พระเอกหน้านิ่ง สุภาพบุรุษแห่งฮอลลีวูด
https://youtu.be/y8nxlIGW2J0?si=2sjrcsEkDP3gzNPjที่มา :: https://www.beartai.com/buzz/1231030
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น