Learn with Prin เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องปริญญ์

จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Legacy /Reborn Set ลด Fat ตัวช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบถูกวิธี 🔥 ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ 📍 โทร ☎️ :: 084-110-5021 🌸 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line นะคะ 📍

วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

วิธีการ เก็บรักษามันฝรั่ง

 

วิธีการ เก็บรักษามันฝรั่ง

หากเปรียบเทียบกับพืชผักชนิดอื่นๆ ถือว่ามันฝรั่งเป็นผักที่เก็บไว้ได้นานพอสมควร เพราะถ้าใช้เทคนิคการเก็บรักษาที่ถูกต้อง เราจะสามารถเก็บมันฝรั่งดีๆ ไว้ได้นานเป็นเดือนๆ เลยทีเดียว แต่ถ้าอยากได้รับประโยชน์สูงสุดจากผักของคุณล่ะก็ การรู้ข้อมูลที่จำเป็นในการเก็บรักษามันฝรั่งอย่างถูกต้องก็นับเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ว่าคุณจะหาซื้อมันฝรั่งมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตหรือปลูกขึ้นเองก็ตาม


วิธีการที่ 1   การเก็บรักษามันฝรั่ง

Step 1 คัดแยกมันฝรั่ง.
  1.  หลังจากซื้อมันฝรั่งมาถุงใหญ่หรือเก็บสดๆ จากสวนของคุณเอง ก่อนอื่นเราควรจะใช้เวลาคัดกรองผักของเรากันสักเล็กน้อย ลองหามันฝรั่งที่ผิวแตก มีรอยช้ำ หรือมีรอยตำหนิอื่นๆ ที่มองเห็นได้ซึ่งเป็นลูกที่เราไม่ควรเก็บไว้ เพราะมันจะเน่าเสียเร็วกว่าปกติ อีกทั้งยังอาจแพร่เชื้อและทำให้ลูกอื่นๆ ที่ไม่มีตำหนิพาลเน่าเสียไปด้วย โดยคุณมีทางเลือกดังต่อไปนี้
    • นำมันฝรั่งที่มีรอยตำหนิมาปรุงอาหารภายใน 1-2 วัน โดยตัดส่วนที่มีตำหนิหรือไม่สวยออกไปก่อนนำไปใช้
    • ทำการ "รักษา" มันฝรั่งเพื่อแก้ไขรอยตำหนิและยืดอายุการเก็บ (ดูขั้นตอนการรักษาด้านล่าง)
    • โยนมันฝรั่งที่เน่าเสียมากทิ้งไป
  2. Step 2 เก็บมันฝรั่งที่ยังสมบูรณ์แข็งแรงไว้ในที่ที่มืดและแห้ง....
    เก็บมันฝรั่งที่ยังสมบูรณ์แข็งแรงไว้ในที่ที่มืดและแห้ง. เมื่อคัดแยกลูกที่มีรอยตำหนิออกไปแล้ว ให้นำลูกที่ไม่มีรอยตำหนิไปวางไว้ในจุดที่ไม่โดนแสงหรือความชื้น เพราะปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวการทำให้มันฝรั่งเกิดจุดสีเขียวและ/หรือเน่าเสีย ตัวอย่างดีๆ ก็ได้แก่ชั้นใต้ดิน ห้องเก็บของใต้ดิน หรือตู้เก็บของในห้องครัวที่แสงส่องไม่ถึง
    • นอกจากนี้ คุณจะต้องเก็บมันฝรั่งไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก มันฝรั่งส่วนใหญ่จะขายมาพร้อมถุงตาข่ายที่อากาศไหลผ่านได้ ซึ่งถือว่าใช้การได้ดีทีเดียว อย่านำมันฝรั่งไปใส่ในภาชนะที่อากาศเข้าไม่ได้เป็นอันขาด
    • ในกรณีที่คุณเป็นคนเก็บมันฝรั่งมาเองกับมือ ลองจัดเรียงเป็นชั้นๆ ใส่ไว้ในตะกร้าสานหรือกล่องที่มีช่องระบายอากาศ พร้อมใส่กระดาษหนังสือพิมพ์สักแผ่นคั่นไว้ระหว่างแต่ละชั้น ปิดท้ายด้วยการนำกระดาษหนังสือพิมพ์คลุมด้านบนสุดไว้
  3. Step 3 รักษาอุณหภูมิให้เย็นเข้าไว้.
     มันฝรั่งจะอยู่ได้นานเมื่อเก็บไว้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส (50 องศาฟาเรนไฮต์)[1] โดยควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิระหว่าง 2-4 องศาเซลเซียส (35-40 องศาฟาเรนไฮต์) เพื่อให้เก็บได้นานที่สุด ห้องที่มืดและเย็น เช่น ชั้นใต้ดินหรือห้องเก็บของใต้ดิน มักใช้การได้ดีเชียวล่ะ
    • เตือนไว้ก่อนว่าตู้เย็นนั้น เย็นเกินไป สำหรับมันฝรั่งของเรา อีกทั้งยังอาจทำให้รสชาติแปรเปลี่ยนไป ลองดูหัวข้อด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม[2]
  4. Step 4 หมั่นตรวจสอบมันฝรั่งเป็นระยะๆ เพื่อหาสัญญาณการเน่าเสีย....
    Watermark wikiHow to เก็บรักษามันฝรั่ง
    หมั่นตรวจสอบมันฝรั่งเป็นระยะๆ เพื่อหาสัญญาณการเน่าเสีย. หากเก็บรักษาไว้ด้วยวิธีการข้างต้น คุณจะสามารถเก็บมันฝรั่งส่วนใหญ่ไว้ได้ถึง 2-3 เดือนโดยไม่มีปัญหาใดๆ อย่างไรก็ตาม จะเป็นการดีกว่าถ้าคุณจะใช้เวลาสักครู่ในทุกๆ 2-3 สัปดาห์เพื่อตรวจหาสัญญาณของ “ปัญหา” ที่อาจเกิดขึ้น เพราะมันฝรั่งที่เน่าเสียเพียงลูกเดียวอาจแพร่เชื้อไปถึงลูกอื่นๆ ที่อยู่ติดกันได้ การกำจัดลูกที่เสียออกไปก่อนที่เชื้อจะมีโอกาสแพร่กระจายจึงเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญ โดยอาการที่ควรมองหามีดังนี้
    • จุดสีเขียว: มันฝรั่งมีจุดสีเขียวจางๆ และเมื่อเวลาผ่านไป เนื้อจะเริ่มนิ่มๆ และดูเหี่ยวขึ้นเล็กน้อย ซึ่งมักเกิดจากการโดนแสง ถ้าเห็นเป็นจุดสีเขียวแค่นิดๆ หน่อยๆ ให้ตัดผิวส่วนที่เป็นสีเขียวออกก่อนนำไปประกอบอาหาร[3]
    • มีรากงอก: "ราก" ที่มีลักษณะคล้ายหน่อเล็กๆ เริ่มงอกออกมาจากมันฝรั่ง และมักจะมีจุดสีเขียว/เนื้อเริ่มนิ่มร่วมด้วย ให้ตัดส่วนรากออกก่อนนำไปประกอบอาหารถ้ามันฝรั่งยังไม่นิ่มหรือเป็นสีเขียวมากเกินไป
    • เน่าเสีย: สังเกตเห็นได้ว่ามันฝรั่งเริ่มเน่า คืออาจจะเริ่มมีกลิ่น เนื้อเริ่มนิ่มๆ และ/หรือมีราขึ้น ควรนำมันฝรั่งที่เน่าเสียแล้วไปทิ้งและอย่าลืมเปลี่ยนกระดาษที่สัมผัสกับมันฝรั่งลูกนั้นด้วย
Watermark wikiHow to เก็บรักษามันฝรั่ง
 หากต้องการให้มันฝรั่งเก็บได้นานขึ้น ลองนำเทคนิคที่อธิบายไว้ต่อไปนี้ไปใช้กันดู นี่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆ สำหรับมันฝรั่งที่มีรอยตำหนิแค่นิดๆ หน่อยๆ แต่ถ้าปล่อยไว้คงเน่าเร็วเป็นแน่ มันฝรั่งที่ผ่านการ "รักษา" แล้วมักมีการตัดรอยตำหนิเล็กๆ ออก และทำให้รอยช้ำหายไป ขั้นตอนการรักษามันฝรั่งมีดังต่อไปนี้
  • วางมันฝรั่งไว้บนกระดาษหนังสือพิมพ์ และนำไปเก็บไว้ในห้องที่เย็นและมืด
  • เพิ่มอุณหภูมิจนถึง 10-15 องศาเซลเซียส (50-60 องศาฟาเรนไฮต์) ซึ่งสูงกว่าอุณหภูมิสำหรับเก็บมันฝรั่งเล็กน้อย
  • ทิ้งมันฝรั่งไว้อย่างนั้นโดยไม่ไปรบกวน หลังจากผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ ผิวมันฝรั่งจะหนาและแห้งขึ้น ปัดก้อนดินใหญ่ๆ บนผิวมันฝรั่งออกและนำไปเก็บไว้ตามวิธีการที่แนะนำก่อนหน้านี้ (ซึ่งจะต้องลดอุณหภูมิลงเล็กน้อย)


วิธีการที่ 2    รู้สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

 คุณอาจคิดว่า "การล้าง" น่าจะทำให้มันฝรั่งเน่าได้ช้ากว่า แต่ความจริงเป็นสิ่งที่กลับกันโดยสิ้นเชิง เพราะเมื่อมันฝรั่งถูกความชื้น จะทำให้อายุการเก็บรักษาสั้นขึ้น และยังทำให้มันฝรั่งมีโอกาสเน่าเสียได้เร็วกว่าอีกด้วย เราจึงต้องดูแลมันฝรั่งให้แห้งมากที่สุดทั้งก่อนและระหว่างการจัดเก็บนั่นเอง[4]
  • ถ้ามีดินติดอยู่บนมันฝรั่ง ควรปล่อยให้ดินแห้ง จากนั้นจึงใช้แปรงแห้งๆ ปัดก้อนดินที่มองเห็นออก อย่างไรก็ตาม คุณสามารถ (และควร) ล้างมันฝรั่งก่อนที่จะนำไปปรุงอาหาร
  1. Step 2 อย่าแช่มันฝรั่งไว้ในตู้เย็น.
     อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าตู้เย็นมีอุณหภูมิเย็นเกินไปสำหรับการเก็บรักษามันฝรั่งให้ได้นาน เพราะอุุณหภูมิที่เย็นภายในตู้เย็นจะทำให้แป้งในมันฝรั่งเปลี่ยนเป็นน้ำตาล และทำให้รสชาติของมันฝรั่งหวานจนไม่อร่อยได้เลยทีเดียว แถมยังอาจทำให้สีเปลี่ยนไปได้อีกต่างหาก[5]
    • ถ้าจำเป็นต้องแช่ตู้เย็นจริงๆ ควรทิ้งมันฝรั่งไว้ที่อุณหภูมิห้องเพื่อให้มันฝรั่งค่อยๆ อุ่นขึ้นก่อนนำไปปรุงอาหาร วิธีการนี้จะช่วยลดการเปลี่ยนสีได้ (แต่ก็อาจช่วยได้ไม่ทั้งหมด)
  2. Step 3 อย่าหั่นมันฝรั่งเป็นชิ้นๆ เก็บไว้โดยไม่ปิดคลุม....
    Watermark wikiHow to เก็บรักษามันฝรั่ง
    อย่าหั่นมันฝรั่งเป็นชิ้นๆ เก็บไว้โดยไม่ปิดคลุม. ควรนำมันฝรั่งที่หั่นเป็นชิ้นๆ แล้วไปประกอบอาหารทันที เพราะเนื้อมันฝรั่งที่ไม่มีเปลือกปิดคลุมจะเก็บรักษาได้ไม่นานนักเมื่อเทียบกับผิวที่หนาๆ แต่ถ้าใช้มันฝรั่งที่หั่นแล้วให้หมดในคราวเดียวไม่ได้จริงๆ ให้นำไปแช่ในน้ำเย็นสูงประมาณ 1-2 นิ้ว ซึ่งจะช่วยให้เก็บไว้ได้อีกประมาณ 1 วันโดยไม่ทำให้ผิวสัมผัสหรือสีของมันฝรั่งเปลี่ยนไป[6]
  3. Step 4 อย่าเก็บมันฝรั่งไว้ใกล้ผลไม้.
     เพราะผลไม้หลายชนิด เช่น แอปเปิ้ล ลูกแพร์ และกล้วยจะปล่อยสารที่เรียกว่าเอธิลีนออกมา ซึ่งเป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติทำให้ผลไม้สุกงอม และอย่างที่คุณอาจสังเกตเห็นได้ว่าผลไม้มักจะสุกเร็วขึ้นเมื่อเก็บไว้ใกล้ๆ กัน ที่สำคัญ ก๊าซเอธิลีนอาจทำให้รากของมันฝรั่งงอกออกมาเร็วขึ้น ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรเก็บผลไม้ไว้ที่อื่น


ที่มา   ::   https://th.wikihow.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น